
“คันนา” สแน็คสุขภาพของคนรุ่นใหม่ คุยกับเจ้าของแบรนด์ “ณชา จึงกานต์กุล”
8 เม.ย. 2564 00:00คุยกับหัวเรือใหญ่ โบว์-ณชา จึงกานต์กุล ผู้ก่อตั้งแบรนด์ขนมเพื่อสุขภาพคันนา (KUNNA)
ย้อนกลับไปเมื่อ 9-10 ปีก่อน กระแสของอาหารสุขภาพอาจจะยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความกล้า ความตั้งใจ ความมุ่งมั่นที่ต้องการส่งมอบขนมที่ดี มีประโยชน์ เหมาะเป็นของว่างให้ทั้งกับตัวเองและคนในครอบครัว จึงได้ลงมือศึกษาหาข้อมูล กระทั่งสามารถผลิตผลไม้อบแห้ง และขนมแปรรูปในรูปแบบใหม่ ที่อร่อย มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ แถมยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ออกมาภายใต้แบรนด์ คันนา (KUNNA) ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์คนรักสุขภาพทั้งคนไทยและคนต่างชาติได้สำเร็จ
กว่าจะมาเป็น “คันนา” (KUNNA)
สแน็คของคนรุ่นใหม่ หัวใจรักสุขภาพ
จริง ๆ โบว์เรียนจบรัฐศาสตร์การทูตมานะคะ เพราะฉะนั้นจะไม่มีความรู้เรื่องอาหารเลย แต่ไม่รู้ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้ โบว์ก็เลยลงทุนไปเข้าคอร์สต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องอาหาร เรื่องของแบคทีเรีย จุลินทรีย์ อะไรที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ทุกเรื่องที่จำเป็นต้องมี จำเป็นต้องรู้ เพราะโบว์อยากแน่ใจในทุกอย่างที่ทำ
คือจริง ๆ ถ้าเราทำกินเองที่บ้าน มันคงจะง่าย แต่นี่เราทำเพื่อส่งความปลอดภัย ส่งสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้า เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ทำ ลูกค้าต้องแน่ใจว่าสามารถกินได้อย่างปลอดภัย กินแล้วไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อันนี้คือพื้นฐานเบื้องต้นเลยนะคะ มากไปกว่านั้นก็คือเรื่องความสุข เรื่องของคุณประโยชน์ที่ได้จากผลิตภัณฑ์ของเรา เพราะฉะนั้นโบว์เลยรู้สึกว่าข้อไหนที่มันขาดไป เราจะไปเติมให้เต็ม
สิ่งที่ท้าทายที่สุด คือ เราจะทำอย่างไรให้สามารถตอบโจทย์คนสมัยใหม่ ที่ต้องการในแง่ของความทันสมัย ความสะดวกรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นความรู้สึกว่ากำลังดูแลตัวเองอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นการหาจุดตรงกลาง ที่มัน Balance การตอบโจทย์ต่าง ๆ มิติต่าง ๆ เหล่านี้ของผู้บริโภค เราต้องทำให้เขารู้ว่าผลิตภัณฑ์นี้ออกมาเพื่อเขา
ต้องบอกว่าแบรนด์คันนา เกิดมาจากความไม่ชอบของคุณพ่อ คุณพ่อเป็นคนที่ชอบกินของอร่อย แต่ก็ต้องกินแล้วดีต่อสุขภาพด้วย ทุกครั้งหลังจากกินอาหารมื้อหลักเสร็จ คุณพ่อจะต้องตบท้ายด้วยขนมตลอดเวลา ซึ่งในสมัย 10 ปีที่แล้ว ขนมบ้านเราจะมีแต่แนวที่ยังไม่ค่อยเฮลตี้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นจากการไม่ชอบตรงนี้ โบว์ก็เลยรู้สึกว่าอยากทำอะไรบางอย่างที่จะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของสุขภาพกาย สุขภาพใจ และที่สำคัญคือต้องอร่อยด้วย
ก่อนหน้านี้ส่วนตัวโบว์ก็มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพเป็นทุนเดิมนะคะเพราะเราถูกปลูกฝังมาจากคุณพ่อ เพียงแต่ว่าพอมาเป็นยุคของเรา มันก็อาจจะมีการประนีประนอมมากขึ้นหรือว่ามีการปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป เพียงแต่ว่าโบว์ก็ยังเชื่อว่า ความทันสมัย ความสมัยใหม่ ความรวดเร็ว งานแข่งกับเวลาก็ยังต้องมาพร้อมกับ wellbeing หรือว่าการมีสุขภาพองค์รวมที่ดีได้ ก็เลยคิดว่าการมีสุขภาพที่ดีสามารถอยู่ในชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้ไม่ยากค่ะ
จากนั้นก็เลยค่อย ๆ เริ่มคิดค้นขึ้นมาว่ามีวัตถุดิบอะไรในบ้านเรา จริง ๆ โบว์เคยไปศึกษาตลาดจีนอยู่ช่วงหนึ่ง ก็เลยได้เห็นว่ามันมีวัตถุดิบ มีผลไม้จากบ้านเราเยอะมาก ยังไม่ได้ใส่เรื่องของความรู้เข้าไป ยังไม่ได้ใส่นวัตกรรมเข้าไป ก็เลยเป็นที่มาว่าเราอยากทำสแน็คอันนี้
โดยชื่อคันนา ก็มาจากชื่อภาษาไทย คือ ไร่สวนไร่นาของบ้านเรา แล้วก็เป็นชื่อที่สามารถอ่านออกเสียงเป็นภาษาสากลได้ง่าย จึงเกิดเป็นแบรนด์ “คันนา” ขนมที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพแต่ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องความอร่อยขึ้นมาค่ะ
หลัก ๆ แบรนด์ “คันนา” ซึ่งเป็น Healthy Snack จะมี 3 ประเภท ได้แก่ ผลไม้อบกรอบ ผลไม้อบแห้ง และ ฟิวชันสแน็ค ซึ่งกำลังเป็นน้องใหม่ที่มาแรงมากเพราะว่าเราเอาวัตถุดิบ อย่างแป้งมะพร้าว แป้งมันสำปะหลังของเมืองไทยมาประยุกต์กับรสชาติแบบตะวันตก อย่างเช่น ช็อกโกแลตแท้ แล้วก็ใส่ความเป็นมะพร้าวเข้าไป กลายเป็นว่า ขายดีมากทั้งในกลุ่มคนไทยและกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
นำความเป็นไทยเพิ่มมูลค่าสู่เวทีโลก
ผลิตภัณฑ์ทุกอย่าง โบว์จะเลือกจากความชอบของตัวเอง โบว์คิดว่าตัวเองเป็นคนเลือกกินประมาณหนึ่ง เราจะชอบเทสต์ของกิน ชอบเทสต์ของอร่อย เพราะฉะนั้นหลาย ๆ ครั้ง ที่เราได้เทสต์ ได้สัมผัสมิติต่าง ๆ ของอาหาร เราจะรู้สึกว่าบางทีมันมีจุดที่ควรพัฒนาได้ในส่วนนี้ หรือว่าส่วนนี้มันควรจะชูจุดเด่นมากขึ้น เพราะฉะนั้นทุกอย่างจะมาจากการที่เราเอาตัวเองเข้าไปพิสูจน์ ทดสอบ แล้วก็ค่อยประยุกต์มา
ทั้งนี้ สิ่งที่โบว์ตั้งใจก็คือเราอยากจะเลือกวัตถุดิบที่เป็นภายในประเทศเท่านั้น เพราะว่าลึก ๆ โบว์รู้สึกภูมิใจมาก ในความที่บ้านเมืองของเราอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินขนาดนี้ เพราะฉะนั้นไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องไปเอาของนอกมาแล้วต่อยอด เราอยากทำให้ของที่เคยเป็นผลผลิตทางการเกษตรบ้านเราเพิ่มมูลค่าเข้าไป ใส่คุณค่าให้มันเพิ่ม สามารถไปสู่เวทีโลกได้ ถ้าทำแบบนี้ได้โบว์ว่าน่าภูมิใจกว่าการนำเข้าของนอกมาอีกค่ะ
สำหรับโบว์ โบว์เชื่ออยู่เสมอว่าการที่เราทำสินค้าหรือบริการแล้วเราสามารถ ส่งมอบคุณค่า ที่ลูกค้ารู้สึกว่าสิ่งนี้ที่ฉันซื้อด้วยความเต็มใจ แล้วฉันรู้สึกว่าฉันยินดีจ่ายเงิน 5 บาทออกไปเพื่ออาจจะได้ของที่มีมูลค่า 10 บาท 100 บาท กลับมา ซึ่ง Branding มันตามมาหลังการส่งมอบคุณค่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เราทำเรื่องอาหาร เรื่องของกิน เรื่องของการส่งมอบคุณค่าให้เขารู้สึกว่า กินแล้วอยากกลับมากินอีก ซื้อแล้วอยากกลับมาซื้อซ้ำอีก
และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่เราเป็นสินค้าที่พยายามที่จะนำเสนอว่ามันเป็น Made in Thailand Products อย่างสินค้าเรามีการส่งออกด้วย ฉะนั้นทุกครั้งที่เราส่งมอบสินค้าไปถึงมือผู้บริโภค คือความรับผิดชอบ มันคือการนำความเป็นไทยไปสู่เมืองนอก เพราะฉะนั้นโบว์จะบอกทุกคนเสมอว่า ทุกสิ่งที่เราทำ ให้นึกถึงมันเอาไว้นะว่า สิ่งที่เรากำลังแบกอยู่บนบ่าคือชื่อเสียงของประเทศ
ต่อยอดเป็นแบรนด์น้องใหม่ “ชูใจ by คันนา”
โดยนำกัญชามาเป็นส่วนประกอบ
นอกจากแบรนด์คันนา ตอนนี้เรามาสายสุขภาพ เพราะฉะนั้นเราจะพยายามดูว่า มันมีตัวเลือกอะไรบ้างนอกจากเรื่องผลไม้ อย่างล่าสุดที่ทางในประเทศเราได้มีการปลดล็อคพืชกัญชา ซึ่งตรงนี้เราก็ได้ไปศึกษา มีการได้นำร่องแล้ว และได้สร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาในชื่อ “ชูใจ by คันนา” โดยเราจะเอาตัว กัญชา กัญชง มาทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร เพื่อช่วยในเรื่องการผ่อนคลาย ลดไมเกรน ลดการปวดหัวอะไรแบบนี้ด้วยค่ะ อันนี้จะเน้นความเป็นไทยเหมือนเดิม อย่างสายพันธุ์ของกัญชาบ้านเราเป็น 1 ใน 5 สายพันธุ์กัญชาที่ดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ เราก็เลยอยากจะลองดูว่ามันจะสามารถช่วยสร้างสุขภาพองค์รวมที่ดีขึ้นได้ยังไงบ้าง
หลังจากนี้นอกจากเรื่องของเครื่องดื่ม ก็อาจจะมีผลิตภัณฑ์สินค้าอื่น ๆ ออกมาอีก ซึ่งทุกอย่างทำตามกฎหมาย ก็ต้องแน่ใจว่าทำแล้วไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เราคิดเสมอว่าเราเป็นคนที่ให้ข้อมูลให้คำปรึกษากับลูกค้า เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่ทำ จะต้องศึกษาถึงรายละเอียดอย่างจริงจัง ตอนนี้ก็ได้ไป Test Course กัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ เพราะโบว์รู้สึกว่าการที่เราทำอะไรสักอย่างต้องส่งต่อถึงความปลอดภัยและเป็นมาตรฐานที่สุดกับผู้บริโภคค่ะ ซึ่งคาดว่าน่าจะประมาณช่วงเดือนเมษายน หรือ พฤษภาคม ตอนนี้เรามีร้านนำร่องแล้ว ซึ่งจะเปิดตัวที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองค่ะ
โบว์ตั้งใจว่าเราอยากจะเป็นแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่แบรนด์ขนมเพื่อสุขภาพ แต่เราอยากเป็นแบรนด์เพื่อองค์รวมที่ดีของสุขภาพ อยากเป็นแบรนด์ที่สามารถอยู่กับลูกค้าได้ในทุก ๆ โอกาสสำคัญของชีวิต และอยากเป็นแบรนด์ที่ลูกค้านึกถึงเมื่อไหร่ก็สบายใจว่ามีแล้วดี ใช้แล้วชีวิตดีขึ้น อะไรทำนองนี้ค่ะ
มองอุปสรรค คือ ความท้าทาย
โบว์เรียกอุปสรรคว่าความท้าทาย สำหรับโบว์ ในองค์กรองค์กรหนึ่ง ความท้าทายที่สุดไม่ใช่เรื่องของการออกผลิตภัณฑ์ การเจอคู่แข่งในตลาดแดงเดือดหรือว่าต่อสู้ด้วยราคานะคะ แต่เป็นเรื่องการทำอย่างไรให้ทีมงานของเราเห็นทิศทางเดียวกัน มองเป้าหมายเดียวกัน
สำหรับโบว์ทีมงานที่แข็งแกร่งมาจากที่เราเห็นเป้าหมายเดียวกัน แล้วก็ช่วยเสริมกันไปในทุก ๆ การเติบโตของแบรนด์ เพราะฉะนั้นโบว์จะให้ความสำคัญกับเรื่องของทีมงานมาก แล้วทุกคนก็จะรู้สึกว่า “คันนา” คือลูกของเขา “คันนา” คือแบรนด์ที่อยู่ในชีวิตเขาตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น หรือ เกิน 5 โมงเย็นด้วยซ้ำอะไรอย่างนี้ค่ะ
อย่างช่วงโควิดที่ผ่านมาเราก็ได้รับผลกระทบ ทุกคนได้รับผลกระทบแหละ แต่โควิดจริง ๆ แค่เป็นตัวเร่งที่บอกแล้วว่าโลกทุกวันนี้มันไปเร็วมาก เพราะฉะนั้นเราอยู่เฉย ๆ ก็เท่ากับถอยหลังแล้ว มันดีที่ว่ามันทำให้เรามองย้อนกลับมาว่าเราจะสื่อสารอย่างไรกับลูกค้า เราจะเข้าใจเขามากขึ้นกว่าเดิม เร็วขึ้นมากกว่าเดิม ได้สนิทใจมากกว่าเดิมยังไงบ้าง โควิดบอกว่าวันนี้เราทำการตลาดแค่กดยิง ADD ใน Facebook เหรอ หรือส่งเข้าไปใน LINE Add อะไรพวกนี้ก็จบแล้ว ความเป็นจริงไม่ใช่เลย
เพราะลูกค้าเขามี Remind บางอย่างที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน โควิดเร่งให้เราเข้าไปหาจุดนั้นของลูกค้า โควิดเร่งให้เราต้องสื่อสารสองทางกับลูกค้ามากขึ้น และที่สำคัญ ช่วงโควิด เรารับ feedback เยอะมากจากการออกสินค้าใหม่ ๆ เพื่อเทสต์ให้ลูกค้าได้ลองว่าถ้าเป็นแนวนี้ชอบไหม แบบนี้อยากให้ปรับอะไร แล้วก็เราเอามาทำจริงเพราะ ทุก Feedback มีประโยชน์มาก แล้วก็หลังบ้านของเราเก็บข้อมูลใน data base ตลอด เพื่อปรับสินค้าทั้งและบริการให้ตรงใจลูกค้าที่สุด
คงไม่ได้อยากให้เกิดโควิดหรอก แต่ว่ามันเกิดขึ้นมาแล้ว โบว์ว่ามันก็มีแง่งามในตัวเอง ซึ่งเราขอบคุณโควิดนะที่ทำให้เราต้องวิ่งแข่ง ทำงานด้วยสปีดความเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลย ซึ่งโบว์มีคติพจน์ในการดำเนินชีวิตซึ่งเป็นคติพจน์ประจำโรงเรียนสมัยที่โบว์เรียนมัธยม โรงเรียนสาธิตปทุมวัน คือ “สมรรถภาพในการปรับตัวคือความสำเร็จในชีวิต” โบว์ว่าสิ่งนี้ใช้ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงโลกอนาคตไปอีกไม่รู้กี่ร้อยปีเลยค่ะ
ความสำเร็จในการสร้างแบรนด์
เคล็ดลับสำหรับคนอยากทำธุรกิจ
การจะทำธุรกิจ โบว์ว่าจะต้องลองคิด มันก็เหมือนเราหาพรสวรรค์ของตัวเองว่าจุดแข็งของเราจริง ๆ แล้วคืออะไร ไม่จำเป็นว่าจุดแข็งจะต้องเป็นเรื่องเงินทุนอย่างเดียว เราอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์ เราอาจจะมีความกล้าได้กล้าเสีย ชอบเสี่ยง ชอบลอง กล้าที่จะลงมือทำ ให้เราหาจุดแข็งของเราให้เจอ แล้วหยิบมา ทำให้มันต่อยอดให้ได้
จริง ๆ แล้วมันไม่มีใครเก่ง สมบูรณ์แบบ ตั้งแต่สเต็ปแรกของการก้าว โบว์มองว่าไม่มีใครที่ด้อยไปกว่าใคร เพราะเราทุกคนล้วนเกิดมามีความเก่งในแบบของตัวเอง หรือว่าจุดเด่นในแบบของตัวเอง เพราะฉะนั้น วันนี้ที่ใคร ๆ ออกมาพูด เราอาจจะรู้สึกว่า โอ้โห! success Story ดูสวยงามจังเลย แต่มันไม่จริงค่ะ โบว์บอกเลยว่าตอนเริ่มต้นทุกคนก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน ทุกคนมีวันที่เหนื่อย มีวันที่ร้องไห้ เครียด คิดไม่ออก หาทางออกไม่ได้ ทุกคนเจอหมด สำคัญที่ว่า เราฉุดใจตัวเองขึ้นมาเป็นไหม เราให้กำลังใจตัวเองได้หรือเปล่า แล้วก็เดินไปต่อให้เร็วที่สุด โบว์ว่าสิ่งนี้สำคัญ
เราต้องเชื่อเสมอว่าเราทุกคนล้วนมีดีในตัวเอง แล้วก็สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วล้วนดีงามเสมอ ฉะนั้นถ้าเจออะไรก็ตาม ถ้าหากเราไม่ยอมแพ้ เราจะไม่มีวันแพ้
สนใจผลิตภัณฑ์สามารถเข้าดูเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : Kunna Snack
Line@ : Kunna Snack
Instagram : kunnasnack
Website : https://www.kunnasnack.com/