สะเทือนวงการการเงิน! Apple เปิดตัว Apple Card ชูดอกเบี้ย 4.15% ต่อปี เปิดให้บริการในสหรัฐฯ ที่แรก
18 เม.ย. 2566 00:00สาวก Apple เตรียมตัวกันให้ดี หลัง Apple ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เดินหน้ารุกวงการการเงิน เปิดตัว “Apple Card”ที่ออกโดยสถาบันการเงินชั้นนำของโลกอย่าง Goldman Sachs (โกลด์แมน แซคส์) โดยจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนเงินฝากสูงถึง 4.15% ต่อปี โดยเปิดให้บริการในสหรัฐฯ เป็นที่แรก
Apple Inc. ระบุในแถลงการณ์บนเว็บไซต์เมื่อวันจันทร์ (17เม.ย.2566) ที่ผ่านมาว่า บัญชีเงินฝากออมทรัพย์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ Apple Card ได้รับผลตอบแทน4.15% ต่อปี ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยในประเทศถึง 10 เท่า ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีข้อกำหนดการฝากขั้นต่ำหรือยอดคงเหลือ และผู้ใช้สามารถตั้งค่าและจัดการบัญชีออมทรัพย์ได้โดยตรงจาก Apple Card ใน Wallet
อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้งค่าบัญชีออมทรัพย์แล้ว เงินสดรายวันในอนาคตทั้งหมดที่ผู้ใช้ได้รับจะถูกฝากเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ ปลายทางของ Daily Cash สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และไม่มีข้อจำกัดว่าผู้ใช้Daily Cash สามารถรับรายได้เท่าใด เพื่อเพิ่มเงินออมให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ผู้ใช้สามารถฝากเงินเพิ่มเติมในบัญชีออมทรัพย์ผ่านบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยง หรือจากยอดคงเหลือ Apple Cash
ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงแดชบอร์ดการออมที่ใช้งานง่ายในWallet ซึ่งพวกเขาสามารถติดตามยอดเงินในบัญชีและดอกเบี้ยที่ได้รับเมื่อเวลาผ่านไปได้อย่างสะดวก ผู้ใช้ยังสามารถถอนเงินได้ตลอดเวลาผ่านแดชบอร์ดSavings โดยโอนไปยังบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงหรือไปยังบัตร Apple Cash โดยไม่มีค่าธรรมเนียม
ทั้งนี้ในกรณีที่มีการเปิดบัญชีแล้ว Daily Cash หรือ Cash Back จากการซื้อผลิตภัณฑ์Appleจะถูกโอนเข้าสู่บัญชีเงินฝากโดยอัตโนมัติ รวมถึงการโอนเงินจากบัญชีธนาคารเพิ่มเติมเข้าสู่บัญชีเงินฝากก็เป็นอีกช่องทางในการใช้บริการ
โดยจากรายงานของ Federal Deposit Insurance Corporation ระบุว่า ผลตอบแทนดังกล่าวสูงกว่าอัตราบัญชีออมทรัพย์เฉลี่ยของสหรัฐฯ ที่ร้อยละ 0.37 และนอกจากนี้ยังเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง American Express ซึ่งมีผลตอบแทนอยู่ที่ 3.75%
Jennifer Bailey รองประธานฝ่าย Apple Pay และ Apple Wallet ของ Apple กล่าวว่า เป้าหมายของเราคือการสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้มีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น
“การออมช่วยให้ผู้ใช้ของเราได้รับประโยชน์มากขึ้นจากสิทธิประโยชน์ของ Apple Card ที่พวกเขาชื่นชอบ Daily Cash ในขณะที่มอบวิธีง่ายๆ ในการประหยัดเงินทุกวัน”
“เป้าหมายของเราคือการสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้มีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น และการสร้างการออมใน Apple Card ใน Wallet ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้จ่าย ส่ง และบันทึกเงินสดรายวันได้โดยตรงและราบรื่น ทั้งหมดนี้ทำได้จากที่เดียว”
อย่างไรก็ตาม Apple Card ยังจำกัดการให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยรองรับ iPhone ที่ใช้ iOS 16.3 ขึ้นไป และให้บริการใน Apple Pay บนอุปกรณ์ Apple อย่าง iPhone, iPad, Apple Watch หรือ Mac ซึ่งขณะนี้อนุญาตให้สมัครใช้งานเฉพาะบุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ที่มา :