MENU

5 ปรากฏการณ์สุดว้าว ในวงการภาพยนตร์ปี 2023

 5 ม.ค. 2567 00:00

จบกันไปแล้วกับปี 2023 ที่นับอีกหนึ่งปีทองของวงการภาพยนตร์โดยเฉพาะกับบ้านเรา ที่มีผลงานคุณภาพออกมามากมาย ตั้งแต่ต้นปียันปลายปี และในฮอลลีวูดเองก็มีหลายปรากฏการณ์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนหนังทั่วโลกอยู่หลายครั้ง แล้ววันนี้เราได้นำ 5 ปรากฏการณ์สุดว้าว ในวงการภาพยนตร์ของปี 2023 มาฝากกัน

1. ปีทองของภาพยนตร์ไทย


ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่คึกคักของหนังไทย ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งการที่ฮอลลิวูดมีการประท้วงของเหล่านักเขียนและนักแสดง ส่งผลให้หนัง BlockBuster หลาย ๆ เรื่องมีการเลื่อนฉายออกไป หนังไทยจึงมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากมากขึ้น ได้รอบมากและมีระยะเวลาฉายที่นานกว่าเดิม จนมีหนังหลายเรื่องที่ทำเงินทะลุ 100 ล้านได้ โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมที่มีหนังอย่าง “สัปเหร่อ” และ “ธี่หยด” มาทำเงินถล่มทลาย จนทำให้ส่วนแบ่งรายได้ของโรงหนังไทยปีนี้ มีสัดส่วนหนังไทยกว่าครึ่งเลยทีเดียว


ทางด้านสตรีมมิ่งอย่างNetflixก็มีแคมเปญอย่าง “ทีไทย ทีมันส์” ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2022 ต่อเนื่องมาจนปลายปี 2023 ก็ส่งคอนเทนต์หนังและซีรีส์ไทยที่มีคุณภาพ มีความแปลกใหม่ และเป็นกระแสแทบทุกเรื่องออกมาทั้ง คนหิว เกมกระหาย ที่เป็นเรื่องราวการทำอาหารและเสียดสีสังคม, The Murderer การสืบคดีฆาตกรรมและเต็มไปด้วยการหักมุม และ มนต์รักนักพากย์ หนังที่เป็นเหมือนจดหมายรักถึงหนังไทยยุค 60s-70s ซึ่งล้วนเป็นหนังรสชาติใหม่ ๆ ที่หาไม่ได้ตามหนังฉายโรงทั่วไป


2. Barbenheimer


ในเดือนกรกฎาคมปี 2023 ได้เกิดปรากฏการณ์ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ กับการที่มีหนังฟอร์มยักษ์2เรื่องฉายชนกัน แต่กลับประสบความสำเร็จทั้งคู่อย่าง Barbie และ Oppenheimer หนังที่มีแนวทางและกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันชัดเจน Barbie ก็เป็นหนังคอมมิดี้แฟนตาซีที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ส่วน Oppenheimer ก็เป็นหนังชีวประวัติของผู้คิดค้นระเบิดปรมาณู ที่เหมาะสำหรับนักดูหนังและแฟน ๆ ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน แต่ด้วยความแตกต่างกันแบบสุดขั้วนี้เอง ที่มันได้ส่งเสริมกันและกัน ทำให้เกิดกระแสในโลกอินเตอร์เน็ตตั้งแต่ที่หนังยังไม่เข้าฉาย จนเหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า “Barbenheimer”


และเมื่อหนังฉายมันก็ยิ่งถูกพูดถึงมากขึ้น เมื่อหนังทั้ง2เรื่องเป็นหนังที่มีคุณภาพสูง ได้รับคำชมจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม แฟชั่นสีสันสดใสแบบบาร์บี้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หรือถึงขั้นเกิดเป็นชาเลนจ์ที่คนแต่งตัวเข้ม ๆ ใส่สูทผูกไทด์แล้วไปดูบาร์บี้กันมากมาย ไม่ก็แต่งตัวสีสันจัดจ้านแล้วไปดู Oppenheimer ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าหนังใหญ่ 2เรื่องมาฉายชนกัน แทนที่จะมีผู้แพ้และผู้ชนะ แต่มันอาจเป็นผู้ชนะทั้ง2เรื่องก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นผู้แพ้ในเหตุการณ์นี้กลับเป็น Mission:Impossible-Dead Reckoning Part One ที่เข้าฉายก่อนหนึ่งสัปดาห์ แต่กลับไม่มีเวลาสะสมรายได้ จนทำเงินได้ไม่เข้าเป้า


3. การมาถึงของยุคหนังที่ดัดแปลงจากเกม


เมื่อทศวรรษก่อน หนังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นหนังฮีโร่หรือหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนคอมมิก ที่ไม่ว่าจะสร้างอะไรออกมา ก็จะมีแฟน ๆ คอยติดตามเสมอ โดยเฉพาะมาร์เวล และดีซี แต่ปัจจุบันอาจไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เมื่อหนังฮีโร่ฟอร์มยักษ์หลายเรื่องในปีนี้พากันล้มไม่เป็นท่า ทั้ง Ant-Man and the Wasp: Quantumania ที่ไม่ถูกใจทั้งคนดูและนักวิจารณ์ แถมเป็นหนังเปิดเฟส5ที่แสนจะน่าผิดหวัง , The Flash หนังรีเซทจักรวาลดีซี ที่แม้จะมี Supergirl และ Batman ถึง 3 คนในเรื่อง แต่ก็ไม่สามารถทำเงินได้ถึงฝัน ส่วนหนังอาจมาจากการบอยคอตนักแสดงนำอย่าง Ezra Miller ที่มีข่าวฉาวอยู่นั่นเอง , Shazam! Fury of the Gods ก็เป็นหนังฮีโร่ธรรมดา ๆ ที่ดูจะตกยุคไปแล้วในสมัยนี้ และสุดท้ายกับ The Marvels หนังรวมพลังหญิงของมาร์เวล ที่นักแสดงและตัวละครอาจไม่ดึงดูดผู้ชมมากพอ จนทำลายสถิติทำเงินน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ MCU


แต่แนวหนังที่กลับได้รับความนิยมสูงขึ้นมา กลับเป็นหนังจากเกมที่ในปีนี้มีหนังอย่าง The Super Mario Bros.Movie ที่ทำเงินได้กว่า 1.3พันล้าน เป็นรองเพียงBarbieแม้คำวิจารณ์จะอยู่ระดับกลาง ๆ ก็ตาม หรือหนังอย่าง Five Nights at Freddy's ที่คำวิจารณ์ค่อนข้างแย่ แต่กลับทำเงินเปิดตัวสูงกว่าหนังฮีโร่ทุกเรื่องในปีนี้ซะอีก ไม่รวมซีรีส์อย่าง The Last of Us ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม และเป็นตัวเต็งในงานประกาศรางวัลมากมาย เป็นการทลายคำสาปหนังที่สร้างจากเกม และบ่งบอกว่ากลุ่มเป้าหมายอย่างวัยรุ่นนั่น เริ่มหันมาสนใจหนังจากเกมที่พวกเขาเคยเล่นมาในสมัยเด็ก มากกว่าหนังฮีโร่จากหนังสือการ์ตูนไปแล้ว ส่วนในปี 2024 ผลงานดัดแปลงจากเกมก็จะยิ่งเดือดมากขึ้น เพราะมีทั้งหนังอย่าง Borderlands , Sonic the Hedgehog 3 , Return to Silent Hill และมีซีรีส์อย่าง Halo season 2 , Fallout , Arcane season 2 และ Tomb Raider: The Legend of Lara Croftนั่นเอง


4. การกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีของนักแสดงหลายคน


ในปี 2023 นี้ยังเป็นปีที่เราได้เห็นนักแสดงหน้าเก่าหลายคน ที่ห่างหายไปจากวงการได้กลับมาผงาดอย่างสมศักดิ์ศรี ทั้ง Brendan Fraser พระเอกสายฮาที่ชนะออสการ์นักแสดงนำชายจากหนังอย่าง The Whale ที่เขาพลิกบทบาทมาเล่นสายดราม่าเต็มตัว, Ke Huy Quan นักแสดงเด็กจาก Indianna Jones 2 และ The Goonies ที่กลับมาดังอีกครั้งในวัย 50ปีกับหนัง Everything Everywhere All at Once หนังไซไฟสุดล้ำที่เปิดโอกาสให้เขาได้เล่นหลายบทบาท จนคว้าออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายมาได้ ซึ่งในปีนี้เขาก็มีผลงานซีรีส์น่าจดจำอย่าง American Born Chinese และ Loki ซีซั่น 2, Robert Downey Jr. พิสูจน์ฝีมือการแสดงตัวเองอีกครั้งใน Oppenheimer ที่หลังจากที่จบ MCU ก็ไม่มีบทเด่นอีกเลย และ Hayden Christensen ที่กลับมารับบท Anakin Skywalker อีกครั้งในซีรีส์ Ahsoka จนเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก


5. A24 ค่ายหนังน้ำดี ที่ใคร ๆ ก็อยากร่วมงานด้วย


ค่ายหนังที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในปี 2023 ก็คงหนีไม่พ้น A24 ค่ายหนังทุนต่ำแต่ไอเดียล้น ที่ตลอดเวลาไม่ถึง 10 ปีของค่ายนี้ พวกเขาได้สร้างหนังและซีรีส์คุณภาพออกมามากมาย เติบโตอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันกลายเป็นค่ายหนังเนื้อหอม ที่เหล่านักแสดงดังแทบทุกคนต้องยอมลดค่าตัวเพื่อให้เล่นหนังของ A24 โดยในปี 2023 พวกเขาก็คว้ารางวัลออสการ์ไปได้ถึง 7 ตัว แซงหน้าสตูดิโอใหญ่ ๆ ไปหลายเจ้า เหมือนเป็นการเปิดตัวสตูดิโอให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นเพียงค่ายหนังนอกกระแสอีกต่อไป


และในปี 2023 พวกเขาก็ยังเดินหน้าผลิตหนังคุณภาพออกมามากมาย ทั้ง Beau is Afraid หนังสยองขวัญเซอร์เรียลที่นำแสดงโดย วาคีน ฟินิกซ์ นักแสดงรางวัลออสการ์จาก Joker , Past Lives หนังโรแมนติกแห่งปี ผลงานเดบิวของผู้กำกับ Celine Song และได้รับคำชมมากมาย, Talk to Me หนังสยองขวัญจากยูทูปเบอร์ RackaRacka สลัดความฮาทิ้งและนำเสนอหนังสุดสยองที่ทำให้คนดูใจเต้นแรง และปลายปีกับ Dream Scenario หนังดราม่า/คอมิดี้ ผสมไซไฟ ที่อาจส่งให้ นิโคลัส เคจ ได้เข้าชิงออสการ์อีกครั้งในรอบ 20 ปี


และยังมีเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ว้าว ๆ ในวงภาพยนตร์อีกมากมายที่เกิดขึ้นในปี 2023 ที่ผ่านมา ส่วนปี 2024 จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง จะดีจะร้ายขนาดไหน เราก็คงต้องมารอลุ้นกัน