MENU

"ดีเอสไอ" รับเป็นคดีพิเศษ 3 ผู้บริหารร่วมทุจริต "EA" 3.4 พันล้าน

 20 ก.ค. 2567 00:00

"ดีเอสไอ" รับคดี 3 ผู้บริหารดัง ร่วมกันทุจริตจัดซื้อจัดจ้างของบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ มูลค่ากว่า 3,465 ล้านบาท เป็นคดีพิเศษ เตรียมตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐาน พร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้องสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะที่ก.ล.ต. ประสานงาน ปปง. อายัดทรัพย์แล้ว ป้องกันการโยกย้ายทรัพย์สิน


หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ นายสมโภชน์ อาหุนัย และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล กรรมการและผู้บริหารบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) รวมทั้งพรเลิศ เตชะรัตโนภาส ผู้ถือหุ้นEA ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ข้อหาทุจริต ทำให้EA และบริษัทย่อยได้รับความเสียหาย 3,465 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อปี 2556-2558 พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)


พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าคดีดังกล่าว ว่า ขณะนี้มอบสำนวนให้ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน พิจารณาตรวจสอบสำนวนพบว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และมูลค่าความเสียหายมากกว่า 3,400 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่จะอนุมัติรับเป็นคดีพิเศษได้ โดยตนในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีฯ จึงมีคำสั่งอนุมัติเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ขึ้นมาเพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป


โดนขั้นตอนหลังจากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว พนักงานสอบสวนจะต้องเรียกบุคคลที่ทีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำหรือขอพยานหลักฐานเพิ่มเติม เช่น เชิญผู้แทนจาก ก.ล.ต. เพื่อมายืนยันคำกล่าวหาด้วย


ส่วนการอายัดทรัพย์หลังรับเป็นคดีพิเศษ เพื่อป้องกันการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สิน นั้น ทราบว่า ก.ล.ต. ส่งเรื่องไปให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการแล้ว


ขณะที่ดีเอสไอเมื่อรับเรื่องไว้และเล็งเห็นว่าเป็นความผิดในคดีมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ดีเอสไอก็จะต้องแจ้งไปยัง ปปง.ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ซึ่งทาง ปปง.จะต้องพิจารณาดูว่าหากข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต.เป็นความผิดมูลฐาน ปปง.ก็จะพิจารณาได้เลย


สำหรับพฤติการณ์ของ 3 ผู้บริหาร บริษัทEA นั้น ยังเร็วเกินไปที่จะเปิดเผยรายละเอียด รวมทั้ง ต้องพิสูจน์ความผิดตามข้อกล่าวหาที่ ก.ล.ต. ร้องทุกข์กล่าวโทษมา และขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนก่อน ส่วนจะเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในคณะทำงาน ดีเอสไอไม่ได้มีการปิดกั้นแต่จะมาจากหน่วยงานใด กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน จะเป็นผู้พิจารณา


"ส่วนผู้บริหารทั้ง 3 ราย อาจมีการเคลื่อนไหวหรือเดินทางออกนอกประเทศ ยืนยันไม่หนักใจเพราะดีเอสไอ ดำเนินคดีอาญาประเภทนี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม คดีมีลักษณะความคล้ายกับหุ้น STARK แต่รายละเอียดต่างกัน และไม่ได้มีกรอบระยะเวลาแต่จะพยายามเร่งรัดดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด"