ก.ล.ต.เล็งตั้ง ‘กองทุนเยียวยานักลงทุน’ 7 เดือนแรกฟันคดีทุจริต-ปั่นหุ้นรวม 16 คดี
30 ก.ค. 2567 00:00ก.ล.ต. เตรียมจัดตั้ง "กองทุนเยียวยานักลงทุน" เร่งศึกษารูปแบบจากต่างประเทศ เปิดช่องนำเงินค่าปรับเฉลี่ยจ่ายคืนผู้เสียหาย คาดใช้เวลาแก้กฎหมายภายใน 2-3 ปี ขณะที่ 7 เดือนแรก ใช้กฎหมายลงทุนอาญา-แพ่ง ผู้กระทำทุจริต ปั่นหุ้น แล้ว 16 คดี รวมค่าปรับกว่า 440 ล้านบาท
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างศึกษาจัดตั้งกองทุนเยียวยาเพื่อชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ลงทุน โดยเบื้องต้นอาจจะต้องมีการแก้ไขกฏหมายเพื่อเปิดช่องให้นำเงินค่าปรับหรือค่าชดใช้ผลประโยชน์มาจัดตั้งเป็นกองทุน จากเดิมที่นำค่าปรับหรือค่าชดใช้ผลประโยชน์ไปส่งคืนกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นการศึกษาจากรูปแบบกองทุนเยียวของต่างประเทศ
สำหรับกระบวนการเยียวยาต้องพิจารณาเป็นรายกรณีตามความเหมาะสม และมีการพิสูจน์ถึงผู้เสียหายที่จัดเจน หมายถึงผู้ที่ได้รับความเสียหายจะได้รับการเยียวยาจากการเฉลี่ยเงินที่ได้จากการปรับจากกรณีนั้นๆ เท่านั้น ทั้งนี้ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติ ก่อนจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการก.ล.ต. และส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาอนุมัติและแก้ไขกฎหมายต่อไป คาดว่าอาจจะจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี
สำหรับสถิติการบังคับใช้กฏหมายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (1 ม.ค.-30 ก.ค.67) นั้น นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ ในฐานะโฆษก สำนักงานก.ล.ต. กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 67 ก.ล.ต. ได้บังคับใช้มาตรการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิดรวม 16 คดี เทียบกับปี 66 มีจำนวน 18 คดี โดยทั้ง 16 คดี แบ่งเป็นการกล่าวโทษดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. และดีเอสไอ จำนวน 6 กรณี โดยมีคดีเกี่ยวกับการสร้างราคา 2 กรณี และการทุจริต 4 กรณี ขณะที่การดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง รวมทั้งสิ้น 10 คดี แบ่งเป็นการสร้างราคา 8 กรณี และการใช้ข้อมูลภายใน 2 กรณี
ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดได้ตกลงทำบันทึกการยินยอมปฎิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด 7 กรณี มูลค่าปรับรวมประมาณ 440 ล้านบาท เทียบกับปี 67 มูลค่าเงินค่าปรับรวมอยู่ที่ประมาณ 105 ล้านบาท
ขณะที่ผู้กระทำผิดที่ไม่ยอมรับและจ่ายค่าปรับนั้น ตั้งแต่เริ่มใช้มาตรการมีจำนวนทั้งสิ้น 25 คดี ซึ่งก.ล.ต.ได้ส่งให้ศาลแพ่งมีคำสั่งและพิพากษาให้จ่ายค่าปรับในอัตราโทษสูงสุด และศาลมีคำพิพากษาให้ชำระค่าปรับแล้ว 5 คดี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างขึ้นตอนทางกฎหมาย
ส่วนสถิติการซื้อขายภายหลังการใช้Uptick ruleพบว่า ช่วงวันที่ 1-26 ก.ค.67 มูลค่าและปริมาณธุรกรรมการขายชอร์ต (Short selling) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉลี่ยต่อวันลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ โดยแยกเป็นมูลค่าการขายชอร์ตเฉลี่ยต่อวันลดลง 68.01% และปริมาณการขายชอร์ตเฉลี่ยต่อวันลดลง 69.76% รวมถึงธุรกรรมการซื้อขายผ่าน Program Trading หลังใช้มาตรการเฉลี่ยต่อวันลดลงเช่นกัน