MENU

ก.ล.ต. ฟันเพิ่ม 5 ผู้กระทำความผิด STARK ปมเผยแพร่ฐานะการเงิน-ผลดำเนินงานเท็จ

 18 ก.ย. 2567 00:00

ก.ล.ต. กล่าวโทษ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) พร้อมอดีตผู้บริหาร รวม 5 ราย ต่อกรมสวนสวนคดีพิเศษ กรณีเผยแพร่ข้อความเท็จ ปมฐานะทางการเงินแฃะผลดำเนินงาน STARK


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษผู้กระทำผิด 5 ราย ได้แก่ 1. บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK และอดีตกรรมการและ/หรืออดีตผู้บริหารของ STARK ได้แก่ 2. นายชนินทร์ เย็นสุดใจ 3. นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ 4. นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ และ 5. นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของ STARK และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)


สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 2565 - 30 มกราคม 2566 STARK ได้เปิดเผยสารสนเทศผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุนที่ได้รับจากการขายหุ้นเพิ่มทุนโดยจัดสรรให้บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 5,580 ล้านบาท และการจัดทำโครงการซื้อหุ้นคืน ทั้งที่ในช่วงเวลานั้น เงินเพิ่มทุน PP จำนวนดังกล่าวถูกนำออกไปใช้จ่ายจนหมดแล้ว และ STARK ไม่ได้มีกำไรสะสมและสภาพคล่องเพียงพอที่จะจัดทำโครงการซื้อหุ้นคืนตามที่ได้เปิดเผยสารสนเทศ ซึ่งข้อความที่เผยแพร่ดังกล่าวเป็นการเผยแพร่ข้อความเท็จ และข้อความอันอาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของ STARK


ทั้งนี้ ในขณะเกิดเหตุ นายชนินทร์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท นายศรัทธา ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน เลขานุการ และกรรมการบริษัท นายวนรัตน์ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท และนายประกรณ์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท อีกทั้ง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบุคคลทั้ง 4 ราย กรณีมีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกรณีตกแต่งงบการเงินปี 2565 ของ STARK บุคคลดังกล่าวจึงอยู่ในฐานะที่ทราบได้ว่า STARK มิได้มีกำไรสะสมและสภาพคล่องเพียงพอในการจัดทำโครงการซื้อหุ้นคืน


นอกจากนี้ นายชนินทร์ และนายศรัทธา ยังทราบข้อเท็จจริงว่า เงินเพิ่มทุน PP จำนวน 5,580 ล้านบาท ได้ถูกนำออกไปใช้จ่ายจนหมดแล้ว โดยบุคคลทั้ง 4 รายมีส่วนร่วมในการดำเนินการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศของ STARK ดังกล่าว


การกระทำของ STARK เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน โดยนายชนินทร์ นายศรัทธา นายวนรัชต์ และนายประกรณ์ ในฐานะเป็นบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล สั่งการหรือกระทำการ หรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้ STARK กระทำความผิดในกรณีข้างต้นจึงต้องรับโทษเดียวกันตามมาตรา 300 ประกอบมาตรา 240 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนิติบุคคลและบุคคลทั้ง 5 ราย ต่อDSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อ ปปง. ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม


อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อไป และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว


นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า "การกล่าวโทษในครั้งนี้ เป็นการขยายผลการตรวจสอบเพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม จากที่ ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบุคคลที่มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับกรณีตกแต่งงบการเงินปี 2565 ของ STARK จึงขอให้มั่นใจว่า ก.ล.ต. ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด รวมถึงประสานความร่วมมือและติดตามความคืบหน้ากับ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง"