MENU

"บีทีเอส" ขายหุ้นเพิ่มทุนตามเป้า 1.32 หมื่นล้าน นำเงินลงทุน "ร็อคเทค-แรบบิท" จ่ายคืนหนี้

 28 ต.ค. 2567 00:00

บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุน 1.32 หมื่นล้านบาท หวังนำเงินเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน "ร็อคเทค โกลบอล - แรบบิท โฮลดิ้งส์ " ส่วนที่เหลือนำไปชำระคืนหนี้


บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS รายงานว่า ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (Rights Offering : RO) โดยได้รับเงินจำนวนทั้งสิ้น 1.32 หมื่นล้านบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ เป็นการเสนอให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งมีสิทธิซื้อหุ้นใหม่ในอัตรา 4.5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขาย 4.5 บาทต่อหุ้น จำนวนไม่เกิน 2,926,141,881 หุ้น


การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จากนักลงทุนทั้งรายย่อย และนักลงทุนสถาบันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ (oversubscribed) สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุน และความเชื่อมั่นจากนักลงทุน อีกทั้งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนคาดการณ์มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทฯ สูงกว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน โดย ณ วันสุดท้าย ของการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน หุ้น BTS มีราคาปิดที่ 4.54 บาทต่อหุ้น ยังคงต่ำกว่าราคาปิด ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2562 ที่ 14.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาปิดสูงสุดของหุ้น BTS ก่อนการระบาดของโรค COVID ถึง 70%


โดยบริษัทฯ จะนำเงินจากการเพิ่มทุนไปใช้ในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วม ได้แก่ บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC และ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT และส่วนที่เหลือ บริษัทฯ จะนำไปชำระหนี้


สำหรับการเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ จะเป็นการเสริมฐานะการเงินของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากที่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกทม. ได้ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยค้างชำระ สำหรับหนี้งานระบบ (E&M) ของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนขยายที่ 2) แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) จำนวน 2.3 หมื่นล้านบาท ในเดือนเมษายน 2567


นอกจากนี้ ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาพิพากษาให้กทม. และเคที ร่วมกันชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) จำนวนประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องชำระภายในวันที่ 22 มกราคม 2568 การชำระหนี้เหล่านี้ ร่วมกับเงินสดรับจากการเพิ่มทุนจะช่วยเสริมสร้างฐานทุนของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่ง และลดภาระหนี้สินของบริษัทฯ ต่อไป