สินทรัพย์ตลาดการลงทุนโลกคึกหลัง "โดนัลด์ ทรัมป์" ขึ้นเป็น ปธน. บิทคอยน์ ทะยาน! ทองคำ – หุ้นจีน กระทบรอนโยบายรัฐชัดเจนระยะยาว
11 พ.ย. 2567 00:00ตลาดการลงทุนโลกคึกคักหลัง โดนัล ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จับตาบิทคอยน์ และหุ้นที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์สูงสุด ขณะที่ทองคำและตลาดหุ้นจีนอาจได้รับผลกระทบเชิงลบระยะสั้น แต่ระยะยาวมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาได้จากการอัดฉีดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน
นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมการลงทุนในตลาดโลก หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ต่างๆ ค่อนข้างมาก เนื่องจากนโยบายของพรรครีพับลิกันมีความแตกต่างจากพรรคเดโมแครตอย่างสิ้นเชิง โดยจะมีทั้งสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์เชิงบวกและได้รับผลกระทบเชิงลบ
โดยหลังจากที่ทราบผลการประกาศคะแนนเลือกตั้งว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีนโยบายทางเศรษฐกิจที่อิงกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
ประเมินทิศทางสินทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์จากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เช่น สินทรัพย์ดิจิทัล โดยจะเห็นราคาบิทคอยน์ ล่าสุด ปรับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับเกินกว่า 80,000 ดอลลาร์ เพราะโดนัลด์ ทรัมป์มีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมบิทคอยน์ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อใช้เป็นทุนสำรองแห่งชาติ และสนับสนุนการขุดบิทคอยน์โดยไม่เก็บภาษี รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
“หุ้นที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมในรอบนี้น่าจะเป็นหุ้นของ Tesla ของอีลอน มัสก์ ที่ออกตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ จึงมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากความคาดหวังว่าจะมีนโยบายที่ส่งเสริมธุรกิจของอีลอน มัสก์ อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้เป็นแค่เก็งกำไรระยะสั้นไปก่อน เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีนโยบายอะไรออกมาใหม่”
สำหรับราคาทองคำมีการปรับตัวลดลง โดยมีสาเหตุมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และมีแนวโน้มที่สหรัฐฯ จะถอนกำลังทหารและการช่วยเหลือทางทหารออกจากภูมิภาคต่างๆ ทำให้แนวโน้มความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ต่าง ๆ จะเริ่มชะลอลง ซึ่งส่งผลลบต่อราคาทองคำที่มักจะให้ผลตอบแทนดีในภาวะความไม่สงบ แต่ทองคำ ยังคงมีโอกาสเดินหน้าสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ จากการที่อัตราเงินเฟ้ออาจจะกลับมาสูงขึ้น รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่า ถึงอย่างไรธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ยังมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็จะเป็นแรงหนุนราคาทองคำในระยะยาว
ด้านสินทรัพย์การลงทุนในประเทศจีน น่าจับตามองการขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นจีนจากนโยบายที่กีดกันการค้า และนโยบายเพิ่มภาษีกับธุรกิจจากจีนอีกครั้ง โดยเฉพาะการจำกัดด้านเทคโนโลยี เพราะในระหว่างการหาเสียง โดนัล ทรัมป์ ได้ประกาศจะเพิ่มภาษีธุรกิจจากจีนถึงระดับ 60% เป็นไปได้ว่าตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีจะได้รับแรงกดดันหลังจากนี้ และนโยบายลดโลกร้อน อาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก แต่ในทางกลับกันก็จะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน หรือ หุ้นในกลุ่มพลังงานรูปแบบดั้งเดิมแทน โดยหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าจีน มีโอกาสได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงเป็นไปได้ว่าบางบริษัทอาจต้องถอนตัวจากการทำตลาดในสหรัฐอเมริกา
รวมถึงหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้นโยบายกีดกันการนำเข้าผลิตภัณฑ์ชิปเซมิคอนดักเตอร์จากจีน ขณะเดียวกันบริษัทสัญชาติอเมริกาที่มีทำธุรกิจกับบริษัทเทคโนโลยีจีน ก็จะถูกระงับการส่งออกด้วยเช่นกัน ซึ่งน่าจะเห็นการตอบโต้กันไปมาของประเทศ 2 ผู้นำ ทางการค้าเหล่านี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องติดตามตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง เพราะแม้ในอดีตจะได้รับแรงกดดันเวลาที่โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำ แต่ตอนนี้รัฐบาลจีนกำลังจะปล่อยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสภาพคล่องในตลาดการเงินครั้งใหญ่ออกมา เพื่อที่จะตอบโต้การขึ้นนั่งตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดหุ้นจีนมีความมั่นใจกลับเข้ามาได้
“โดยภาพรวมการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อสินทรัพย์ต่างๆ ตลาดการลงทุนในสินทรัพย์โลกกลับมาคึกคักอีกครั้ง จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะสามารถเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ในกลยุทธ์ Follow Buy และได้โอกาสเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ได้ผลกระทบเพียงระยะสั้น ด้วยกลยุทธ์ Buy On Dip” นายณพวีร์ กล่าว