
"นอท ลอตเตอรี่พลัส" ฮุบ "EE" ตลท.จี้ไทม์ไลน์การลงทุนธุรกิจ Tech
6 ธ.ค. 2567 00:00"นอท ลอตเตอรี่พลัส" ซื้อบิ๊กล็อตหุ้นบมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) สัดส่วน 57.81% พร้อมนั่งประธานบอร์ดคุมบริษัทรุกธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ธุรกิจTech) ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งแจงข้อมูลกรอบเวลาการลงทุนธุรกิจ ภายใน 11 ธ.ค. 67 เตือนผู้ลงทุนระวังการซื้อขายหุ้น
บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทได้รับแจ้งจากนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท สลากพลัส ว่า นายพันธ์ธวัช ได้ทำการซื้อขายหุ้นของบริษัทผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2567 จำนวน 1,607,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 57.81 ของทุนชำระแล้วของบริษัท
ภายหลังจากการเข้าทำรายการดังกล่าว นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ถือหุ้น 1,607,000,000 หรือ 57.81% นายฉาย บุนนาค 124,276,500 หรือ 4.47% นางฐานุตรา พิพัฒน์วิไลกุล 90,000,000 หรือ 3.24% และนายภควันต์ วงษ์โอภาสี 89,044,800 หรือ 3.20%
ทั้งนี้ นายพันธ์ธวัช ต้องจัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 0.14 บาท เพื่อให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการตลาดทุน รวมถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ครั้งนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.67 อนุมัติแต่งตั้งนายพันธ์ธวัช ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และกรรมการใหม่แทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างอยู่ พร้อมอนุมัติการเปลี่ยนชื่อของบริษัทฯ จากเดิม "บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน)" และชื่อภาษาอังกฤษ "Eternal Energy Public Company Limited" เปลี่ยนเป็น "บริษัท เทคลีด เอ็นพีเอ็น จำกัด (มหาชน)" และชื่อภาษาอังกฤษ "TECHLEAD NPN PUBLIC COMPANY LIMITED"
พร้อมกันนี้ บอร์ดยังมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2,720 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 4,970 ล้านบาท เป็น 7,690 ล้านบาท โดยการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 2,720 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท หรือคิดเป็น 49.12% ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลังการเพิ่มทุนชำระแล้ว ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.19 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 516.80 ล้านบาท
"นอท พันธ์ธวัช" แจงถือหุ้นใหญ่EE หลังเล็งเห็นโอกาส-ศักยภาพ
นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ประธานกรรมการ บมจ. อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) ได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการเข้าเป็นกรรมการบริษัท และถือหุ้นผ่านการซื้อ Big Lot Board สัดส่วน 57.81% ว่า การเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และรับตำแหน่งประธานกรรมการของ EE ถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางการทำงาน โดยมองเห็นศักยภาพและโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทในธุรกิจด้านเทคโนโลยี และเชื่อมั่นว่า EE จะสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยการบริหารที่โปร่งใส มีเป้าหมายที่ชัดเจน และการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคน
"ผมตั้งใจที่จะผลักดันบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น และผลักดันให้ EE กลายเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือในระดับประเทศได้ ผมขอเน้นย้ำถึงความโปร่งใส และความตั้งใจที่จริงจังในการบริหารงาน ภายใต้ความร่วมมือจากคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ การตัดสินใจทุกอย่าง จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรอบคอบ และผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นทุกคน ผมให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่เปิดเผย ตรงไปตรงมา และพร้อมรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถดำเนินธุรกิจไปในทิศทางที่เหมาะสม และสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว"
นายพันธ์ธวัช ระบุเพิ่มเติมว่า ทราบดีว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ อาจทำให้เกิดคำถามและความกังวลในบางกลุ่ม แต่ขอให้คำมั่นว่า ตนและทีมงานทุกคนจะทำงานอย่างเต็มความสามารถ และโปร่งใส เพื่อพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความสำเร็จและความมั่นคงของบริษัทในอนาคต
"ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจในตัวผม และผมจะใช้โอกาสนี้ สร้างผลงานที่จับต้องได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่ายและนำพา EE ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งความสำเร็จร่วมกัน"
ทั้งนี้ ทางบริษัทมีแผนในการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด และความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทย ซึ่งจะมีการจัดการประชุมกรรมการบริหาร เพื่อหารือและลงมติถึงการเข้าทำธุรกิจใหม่ ให้นำพาสู่รายได้ และกำไรอันสูงสุด โดยบริษัทฯ จะมีการรายงานคำชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบในช่องทางข่าวสารอย่างเป็นทางการของบริษัทต่อไป
ตลท.เตือนผู้ลงทุนระวังการซื้อขายหุ้น EE
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ออกประกาศระบุว่า ตามที่EE ได้แจ้งสารสนเทศสำคัญมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
1. มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ซึ่งเข้ามาถือหุ้นEE ในสัดส่วน 57.81% และมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นละ 0.14 บาท
2. คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุน 2,720 ล้านหุ้น (49.45% ของทุนชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน) ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.19 บาท เป็นเงิน 517 ล้านบาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement : PP) 5 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากกระทบต่อสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้น (Control Dilution) มากกว่า 25%
โดยมีวัตถุประสงค์นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ธุรกิจTech) ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่น้อยกว่า 12% แต่บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน
จากรายการข้างต้นส่งผลให้ EE มีการเปลี่ยนแปลงทั้งธุรกิจและอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยธุรกิจใหม่มีความเสี่ยงที่แตกต่างจากธุรกิจปัจจุบันของบริษัทซึ่งเป็นธุรกิจการเกษตร บริษัทคาดว่าจะลงทุนภายในปี 2568 และมีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่น้อยกว่า 12% จึงเป็นข้อมูลสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้EE ชี้แจงข้อมูลกรอบเวลาที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในธุรกิจ Tech แล้วเสร็จ ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2567