
กสิกรไทย เปิดแผนปี 68 เดินหน้ายุทธศาสตร์ 3+1 - สินเชื่อทรงตัว-ดึงเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
3 ก.พ. 2568 00:00ธนาคารกสิกรไทย เผยแผนงานปี 68 ตั้งเป้าสินเชื่อทรงตัวเน้นสินเชื่อที่มีคุณภาพ-หลักประกัน, NIM3.3-3.5%, NPL 3.25% พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์ 3+1 และ Productivity ต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นธนาคารที่มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นตัวเลขสองหลักสอดคล้องตามมาตรฐานโลกภายในปี 69 พร้อมใช้เทคโนโลยีเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการให้บริการลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตรงจุด
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ธนาคารได้กําหนดเป้าหมายทางการเงิน โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อในปี 2568 ในระดับทรงตัว โดยยังคงมุ่งเน้นการเติบโตสินเชื่อที่มีคุณภาพ ในภาคธุรกิจที่มีการฟื้นตัว และสินเชื่อที่มีหลักประกัน ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับปรุงกลยุทธ์สินเชื่อ ฟื้นฟูขีดความสามารถหลัก และปรับปรุงการจัดการทั้งกระบวนการ มีเป็นหมายผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net Interest Margin : NIM) 3.3-3.5% สอดคล้องกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและการเติบโตของสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ โดยผลตอบแทน NIM เมื่อหัก Credit Cost แล้ว จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ (Net Fee Income Growth) Mid to High-single Digit โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตเชิงกลยุทธ์ในการให้บริการโซลูชันด้านการลงทุน แม้รายได้ค่าธรรมเนียมการทําธุรกรรมทั่วไปจะลดลงเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to Income Ratio) คาดว่าจะอยู่ที่ Low to Mid-40s
เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio - Gross) น้อยกว่า 3.25% ค่อนข้างทรงตัวท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Credit Cost) คาดว่าจะปรับตัวสู่ระดับปกติ (Normalized Level) ในช่วง 140 - 160 bps โดยธนาคารยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่รอบคอบอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต
นางสาวขัตติยา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย โดยจะเติบโตประมาณ 2.4% การบริโภคและการส่งออกภาคเอกชนจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีการเติบโตน้อยลง และการใช้จ่ายของรัฐบาลจะสูงขึ้น ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่ หนี้ครัวเรือนที่สูง ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้น และภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง
ท่ามกลางบริบททางเศรษฐกิจดังกล่าว ธนาคารยังคงมุ่งมั่นในการเป็นธนาคารที่ไว้วางใจได้และส่งมอบการเติบโตที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้า เร่งพัฒนาเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่องค์กร ควบคู่กับการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ตามยุทธศาสตร์ 3+1 และ Productivity ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ที่ทำต่อเนื่องจากปี 2567 ได้แก่ ยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน คือ การยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ การขยายธุรกิจที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียม การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางต่างๆ และ 'บวกหนึ่ง' คือการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว โดยสิ่งที่ธนาคารเน้นเพิ่มขึ้นในปี 2568 นี้ คือ ยุทธศาสตร์ Productivity เพื่อเพิ่มผลิตภาพจากการดำเนินงานให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในปี 2568 ธนาคารจะยังมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสามารถสนับสนุนลูกค้ากว่า 24 ล้านราย ให้บรรลุศักยภาพสูงสุด
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้จัดลำดับความสําคัญเชิงกลยุทธ์ 3+1 และ Productivity ขับเคลื่อนการทำงานสู่เป้าหมาย ดังนี้
ยุทธศาสตร์หลักที่ 1 ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อในปี 2568 ธนาคารจะยังคงให้ความสําคัญกับการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ รวมทั้งจะกลับมาเปิดโครงการสนับสนุนและให้ความรู้เอสเอ็มอี เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของลูกค้า
ยุทธศาสตร์หลักที่ 2 ขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม โดยกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Business) ในปี 2568 ธนาคารจะยังคงนําเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม ขยายและยกระดับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ซับซ้อนผ่านประสบการณ์ดิจิทัล (Digital Experience) ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่ง และการเป็นศูนย์กลางความรู้ผ่าน K-Wealth ต่อยอดความเป็นอันดับหนึ่งด้านกองทุนของ บลจ. กสิกรไทยอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจการชําระเงิน (Payment Business) ในปี 2568 ธนาคารจะยังคงพัฒนาบริการชําระเงินโดยมี K PLUS เป็นแพลตฟอร์มหลัก ควบคู่ไปกับการขยายเข้าไปรองรับระบบนิเวศในธุรกิจร้านค้า เพื่อให้รับชำระเงินได้หลากหลาย
ยุทธศาสตร์หลักที่ 3 เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางต่างๆ โดยเน้นผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก ด้วย K PLUS ที่มาพร้อมความปลอดภัย สะดวก ตลอด Journey ของลูกค้า ตั้งเป้าปี 2568 เพิ่มจํานวนผู้ใช้ K PLUS จาก 23.1 ล้านคนเป็น 23.9 ล้านคน รวมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชัน K BIZ ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลาย โดยตั้งเป้าผู้ใช้งาน K BIZ จาก 1.2 ล้านคนเป็น 2.1 ล้านคน
นอกจากนี้ ธนาคารยังวางรากฐาน ยุทธศาสตร์ +1 เพื่อสร้างรายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว ได้แก่ การดำเนินงานของ บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด (KIV) ให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในระบบนิเวศ ควบคู่กับการให้ความสําคัญกับคุณภาพสินทรัพย์ สําหรับการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค ธนาคารให้ความสําคัญกับภูมิภาค AEC+3 โดยเฉพาะการเติบโตในตลาดที่มีศักยภาพ ในประเทศจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ธนาคารยังสนับสนุนการขับเคลื่อนธุรกิจของลูกค้าไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการจัดตั้งบริษัท คอปฟิฟตี้ จำกัด (KOP50) บริษัทโฮลดิ้งภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร เพื่อริเริ่มโครงการสร้าง Sustainable Ecosystem ที่สมบูรณ์ มีนวัตกรรมใหม่ๆ จาก กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป รวมทั้ง ระหว่างปี 2565-2567 ธนาคารได้ส่งมอบเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุนด้านความยั่งยืนจำนวนกว่า 1.2 แสนล้านบาท