MENU

"ไทยเครดิต" ปี 68 ตั้งเป้าสินเชื่อโตสองหลัก-ยกระดับคอร์แบงกิ้งใหม่เสริมแกร่งระยะยาว

 13 ก.พ. 2568 00:00

ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (CREDIT) เปิดแผนยุทธศาสตร์ปี 68 เดินหน้าธุรกิจในการเติบโตที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจ ตั้งเป้าสินเชื่อขยายตัวเป็นเลขสองหลัก พร้อมเร่งเปิดตัวระบบคอร์แบงกิ้งใหม่ ยกระดับแพลตฟอร์ม สร้างความแข็งแกร่ง-เติบโตระยะยาว


นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารไทยเครดิตกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลระยะที่ 2 (Digital Transformation) กล่าวคือการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และเปิดตัวระบบคอร์แบงกิ้งใหม่ของธนาคาร (New Digital Core Banking System) โดยถือเป็นการยกระดับระบบและแพลตฟอร์มของธนาคารให้สมบูรณ์แบบ ตอบสนองต่อกระแสดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมธนาคารในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างรากฐานของระบบให้แข็งแกร่ง เพื่อรักษาความสามารถในการเติบโตในระยะยาว พร้อมพัฒนาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ


ขณะเดียวกัน ธนาคารได้มีการกําหนดเป้าหมายสำคัญทางการเงินสําหรับปี 2568 ดังนี้


ด้านการเติบโตของการให้สินเชื่อ ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการเติบโตสินเชื่อหลักที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (MSME) สินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน และสินเชื่อบุคคล อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบ พร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อในปี2568 ในระดับเลขสองหลัก


ด้านส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ในช่วง 8.5-9.0% ควบคู่ไปกับการเติบโตของสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ พร้อมรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CIR) ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า


ด้านเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (% NPL) ที่ให้อยู่ในระดับที่น้อยกว่า 4.5%


ทั้งนี้กลยุทธ์สำคัญที่ธนาคารใช้ขับเคลื่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ประกอบด้วย 2 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การขยายสินเชื่อในส่วนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่เป็นจุดแข็งของธนาคาร และ 2.  การปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานระยะยาวของธนาคาร เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต


อีกทั้ง เพื่อยกระดับการเข้าถึงธนาคารที่สะดวกยิ่งขึ้น ธนาคารได้ตระหนักถึงความสำคัญของการออมเงินอย่างชาญฉลาดและสร้างเสริมอนาคตทางการเงินที่แข็งแกร่ง ผ่านแอปพลิเคชัน alpha by Thai Credit ที่ช่วยให้ลูกค้าบุคคลสามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกทุกที่ทุกเวลา


โดยในปี 2567 มีผู้ใช้งานเติบโตอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นร้อยละ 68 และมีมูลค่าธุรกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จากปีก่อน เป็นประมาณ 19,000 ล้านบาท ในปี 2567 ด้านการเติบโตของ “ไมโครเพย์ อี-วอลเล็ต” แอปพลิเคชันที่ช่วยในการจัดการทางการเงินของกลุ่มลูกค้านาโนและไมโครเครดิต มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นร้อยละ12 และมีมูลค่าธุรกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปีก่อน เป็นประมาณ 26.1 ล้านบาท