MENU

EGCO ไตรมาส 1/68 กำไรทะลุ 3.5 พันล้าน รับกำไรจากการขายโรงไฟฟ้า 2 แห่ง

 15 พ.ค. 2568 00:00

บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เผยผลงานไตรมาส 1 ปี 68 กำไรสุทธิ 3,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% ปัจจัยหลักมาจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นในโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ตามนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) นำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว


นางสาวจิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนอย่างมาก จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม EGCO ยังสามารถบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอและการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง


โดยในไตรมาสที่ 1/2568 มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่สำคัญ นอกจากการปิดดีลขายหุ้นทั้งหมดของโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย ได้แก่ การจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น รวม 640 เมกะวัตต์ ของโรงไฟฟ้า Yunlin ในไต้หวัน การลงนามสัญญาซื้อธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ในอินโดนีเซีย


สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 EGCO รับรู้รายได้รวม 10,838 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 3,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% หรือ 1,915 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีแล้ว ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) และนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว


“ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน EGCO ยังคงเดินหน้าเร่งเครื่องแสวงหาโอกาสการลงทุนและเพิ่มกำลังผลิตใหม่ในธุรกิจไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” ที่มีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน EGCO ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกาศนโยบายการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ EGCO จะพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงอย่างรอบด้านอยู่เสมอ โดยครอบคลุมถึงนโยบายของแต่ละประเทศที่เข้าลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนต่าง ๆ จะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรได้ตามเป้าหมาย และบริษัทสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ” นางสาวจิราพร กล่าว