MENU

เน็ตเบย์ ชู “RegTech” เสริมพลัง 3 แพลตฟอร์มหลัก มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10 - 15%

 14 ก.ค. 2568 00:00

บมจ.เน็ตเบย์ (NETBAY) เปิดแผนธุรกิจครึ่งหลังปี 68 ชู “RegTech” เสริมพลังสร้างมูลค่าเพิ่ม 3 แพลตฟอร์มหลัก ควบคุ่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมให้ความมั่นใจเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10 - 15%


นางกอบกาญจนา วีระพงษ์ประดิษฐ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY เปิดเผยถึง แผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งหลังปี 2568 บริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างความเติมโตอย่างต่อเนื่องกับธุรกิจการให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (Saas) พร้อมกับการสร้าง Value ให้แพลตฟอร์มของบริษัทและกลุ่มบริษัทย่อย ภายใต้การนำประสบการณ์ด้าน “RegTech” หรือ “Regulatory Technology” มาประยุกต์ใช้ในการกำกับดูแลควบคู่ไปกับการพัฒนาแพลตฟอร์มหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ


ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือให้ภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถดำเนินงานและรายงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ตามที่หน่วยงานที่กำกับดูแลกำหนด เช่น อุตสาหกรรมการเงิน, Logstics, ธนาคาร เป็นต้น โดยสามารถเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการดำเนินงานด้านการกำกับดูแล (Compliance) ที่ยุ่งยากซับซ้อน เป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว แม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของหน่วยงานผู้กำกับดูแลได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


นางกอบกาญจนา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 68 นี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้ไว้ที่ 10 -15% โดยเป็นสัดส่วนรายได้จากภาคเอกชนมีสัดส่วนกว่า 90% และงานภาครัฐอีกประมาณ 10%


ปัจจุบัน NETBAY เดินหน้าขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยการสร้าง Value ใหม่ๆ บนแพลตฟอร์ม เพื่อขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการ3 แพลตฟอร์มหลัก คือ


1. ShippingNet Pluzแพลตฟอร์มให้บริการจัดทำ นำส่งใบขนสินค้านำเข้า - ส่งออก ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องและยาวนานสำหรับกลุ่มลูกค้าโลจิสติกส์ โดยได้ Add Value และเปิดตัว Feature ใหม่โดยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการทำงานให้ลูกค้าที่ใช้บริการได้รับความสะดวก ลดระยะเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากยิ่งขึ้น


2. AiBoxเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาต่อยอดจาก iBox เดิมเพื่อยกระดับให้เป็น “The Trusted Digital Transformation Platform” ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง


3. CHECK+ แพลตฟอร์มที่เน้นการให้บริการกลุ่มงานด้านการกำกับดูแล (Compliance) อย่างครบวงจร อาทิ ตรวจสอบตัวตน บันทึกข้อมูลการทำธุรกรรม และนำส่งรายงานการทำธุรกรรมให้กับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อช่วยยกระดับให้ภาคธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของหน่วยงาน อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในภาคธุรกิจได้


นอกจากนี้ บริษัท เคลาด์ ครีเอชั่น จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทย่อย ของ NETBAY ได้มีการลงนามใน NDA ทั้ง 2 ฉบับกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อครอบคลุมบริการเชื่อมต่อระบบตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินและรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด และได้รับอนุญาตเชื่อมต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการรายงานธุรกรรมในฐานะผู้ให้บริการตัวกลาง


"ด้านการเติบโตของรายได้นั้น บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญการเติบโตทั้งมุมรายได้และความสามารถในการขยายฐานลูกค้าในบริการเดิมและบริการใหม่ของบริษัท โดยมีการนำเทคโนโลยี เช่น AI หรืออื่นๆ เข้ามา Add Value เพื่อขยายบริการของบริษัทได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่า เมื่อมีการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้บริการได้ครอบคลุมมากกว่าเดิม บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ การให้บริการ AiBox กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ Retail และ Nano Leasing, การให้บริการ CHECK+ กับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 13 (สหกรณ์) และมาตรา 16 (ร้านทอง อัญมณี,เต้นท์รถมือสอง,ผู้ค้าของเก่า เป็นต้น), การให้บริการ ShippingNet Pluz บนกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการทำธุรกิจมากขึ้น" นางกอบกาญจนา กล่าว