MENU

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ร่วมกับ ปตท.สผ. มอบทุนวิจัย 7 สถาบันพัฒนาองค์ความรู้ CCS สนับสนุนไทยสู่เป้าหมาย Net Zero

 24 ต.ค. 2568 00:00

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ร่วมกับ ปตท.สผ. มอบทุนศึกษาวิจัย แก่ 7 สถาบัน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage หรือ CCS) มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050


วันที่ 24 ตุลาคม 2568 นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เป็นประธานในพิธีมอบทุนภายใต้โครงการวิจัยเพื่อการศึกษาวิจัยด้านการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS Development Project in Thailand) รวม 41 ล้านบาท ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และบริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ.อีดี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ปตท.สผ. ซึ่งเป็นการต่อยอดนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงาน โดยส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage หรือ CCS) มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2050


โครงการวิจัยเพื่อการศึกษาวิจัยด้านการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS Development Project in Thailand) เป็นการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ ปตท.สผ.อีดี โดยได้เปิดรับข้อเสนอโครงการวิจัยจากสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม ถึง 22 มีนาคม 2568


เมื่อเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและ ปตท.สผ.อีดี ได้พิจารณาคัดเลือกโครงการที่ได้รับทุน จำนวน 9 โครงการ มูลค่าทุนการศึกษาวิจัยรวมประมาณ 41 ล้านบาท และมีระยะเวลาการศึกษาวิจัยประมาณโครงการละ 2 - 3 ปี จากสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยชั้นนำ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย


โดยขอบเขตการศึกษาของโครงการศึกษาวิจัยที่ได้รับคัดเลือกมีความครอบคลุมด้านต่างๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่าของกิจกรรม CCS อย่างครบวงจร ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม ด้านการสร้างแบบจำลองและการทดลองแบบปัญหา (Modeling and Simulation) ไปจนถึงด้านสังคมศาสตร์และนโยบายเพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนธุรกิจ CCS


นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า เทคโนโลยี CCS หรือ Carbon Capture and Storage เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีความสำคัญมากสำหรับประเทศไทย และเป็นกระบวนการที่มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งหลายประเทศได้นำมาใช้ ซึ่งการผลักดันโครงการ CCS ในประเทศไทยให้เกิดขึ้นได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันกำหนดนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจน รวมทั้งกลไกหลายด้านที่เอื้อให้เกิดการพัฒนาในเชิงพาณิชย์


การสนับสนุนทุนวิจัยครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ในการระดมความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและพัฒนา CCS ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย โดยดำเนินการควบคู่ไปกับนโยบายการพัฒนาพลังงานสะอาด ที่จะช่วยส่งเสริมให้การลดก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานเกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริง และเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะสนับสนุนการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาลที่เราต้องเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้และเตรียมความพร้อมบุคลากรของประเทศด้วย


ทั้งนี้ ในประเทศไทย ได้เริ่มมีการศึกษาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี CCS ตั้งแต่ปี 2564 โดยบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ได้นำร่องการศึกษาและพัฒนาโครงการ CCS ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ในอ่าวไทย และได้ประกาศตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ไปเมื่อเดือนกันยายน 2568 คาดจะสามารถเริ่มการอัดกลับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปี 2571 ซึ่งจะเป็นการนำร่องการพัฒนาโครงการ CCS ในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ อีกทั้ง โครงการ CCS ที่แหล่งอาทิตย์ ยังได้รับความเห็นชอบให้เป็นโครงการสำคัญที่ควรดำเนินการและผลักดันในระดับนโยบายภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปีพ.ศ. 2564 – 2573 (NDC Action Plan on Mitigation 2021 - 2030) เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพร้อมให้การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี CCS เพื่อให้การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์พร้อมส่งเสริมการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน