MENU

“GCAP GOLD” มองแนวโน้มทองยังเป็นบวก จับตาท่าที Fed - ศก.สหรัฐฯ ชะลอหลังชัตดาวน์

 19 พ.ย. 2568 00:00

จีแคป (GCAP GOLD) ประเมินราคาทองคำรอฟื้นตัว แนะนำกลยุทธ์ “รอซื้อเมื่ออ่อนตัว” บริเวณแนวรับ $4,010 –$3,990 (ราคาทองไทย 61,800 – 61,500 บาท) จับตาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว หลังภาวะชัตดาวน์ยืดเยื้อ และท่าทีธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ต่อสัญญาณนโยบายการเงิน


นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำสัปดาห์นี้ยังคงมีโอกาสฟื้นตัวในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จึงแนะนำกลยุทธ์ “รอซื้อเมื่ออ่อนตัว” บริเวณแนวรับสำคัญที่ $4,010 และ $3,990 ซึ่งเทียบเท่าราคาทองไทยราว 61,800 – 61,500 บาท และหากมีการปรับฐานไม่ควรหลุดระดับ $3,975 (ราคาทองไทยประมาณ 61,000 บาท) เนื่องจากหากหลุดต่ำกว่าจุดดังกล่าว อาจนำไปสู่การพักฐานที่ลึกขึ้น ขณะที่ฝ่ายวิจัยให้แนวต้านสำคัญอยู่ที่ $4,110 (ราคาทองไทยราว 63,000 บาท) หากสามารถทะลุและยืนเหนือระดับนี้ได้ มีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นไปทดสอบบริเวณ $4,185 (ราคาทองไทยประมาณ 64,300 บาท)


“ในระยะสั้นอาจจะมีแรงขายทอง แต่ระยะกลางยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น หลังตลาดเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลกระทบของภาวะชัตดาวน์ยืดเยื้อ ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันGDP ลดลงราว 1.5%-2.0% แม้กระแสคาดหวังการลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคมจะลดลง แต่ความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ย เดือนมกราคมยังสูงถึง 75% สะท้อนให้เห็นว่านโยบายการเงินยังคงอยู่ในโหมดผ่อนคลาย และเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อราคาทองคำในระยะกลางที่ยังคงผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาทองคำในระยะกลาง ซึ่งในสัปดาห์นี้มีการทยอยเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมา อาทิ ตัวเลขการจ้างงานที่จะเผยแพร่วันที่ 20 พ.ย. หลังชัตดาวน์ 43 วัน ซึ่งสะท้อนการสิ้นสุดช่วงขาดข้อมูลสำคัญ


ส่วนปัจจัยด้านมาตรการลดและยกเว้นภาษีนำเข้าอาหารกว่า 200 รายการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั้น มองว่า เป็นตัวแปรสำคัญที่ตลาดต้องติดตาม เพราะสะท้อนแรงกดดันค่าครองชีพและเงินเฟ้อในประเทศ แม้ทรัมป์ระบุว่าสินค้าบางรายการอาจยังมีราคาเพิ่มขึ้น แต่เป้าหมายคือช่วยลดภาระค่าครองชีพในช่วงราคาสินค้าอาหารยังปรับสูงขึ้น ตลาดจึงต้องรอดูว่ามาตรการนี้จะช่วยชะลอเงินเฟ้อได้จริง หรือเป็นเพียงเครื่องมือเชิงการเมืองที่ยังไม่เปลี่ยนทิศทางเงินเฟ้อและภารกิจของเฟดอย่างมีนัยสำคัญ