
MPJ สัญญาณบวกโค้งสุดท้ายส่งท้ายปี รับอานิสงส์โลจิสติกส์ ปี 69 สดใส
24 พ.ย. 2568 00:00
บมจ.เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ (MPJ) ส่งสัญญาณโค้งสุดท้ายส่งท้ายปีฉายแววสดใส หลังเดิมเกมรุกเปิดลานตู้คอนเทนเนอร์แหลมฉบัง ตอกย้ำรายได้ปีนี้แตะ 1,135 ล้านบาท เติบโตตามเป้า 11% ประกาศเล็งแผนลงทุนใหม่รับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ปี 69 คึก คาดเติบโต 3.4% ย้ำฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง D/E แค่ 0.02 เท่า มั่นใจแผนขยายการลงทุนต่อยอดธุรกิจในอนาคตโตอย่างมั่นคง
บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJนำเสนอข้อมูลบริษัทฯ ภายในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) โดย นายสิษฐวัศ เลิศอมรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและการตลาด และ นายไพรัต ภูฆัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน ร่วมนำเสนอข้อมูล โดยประกาศตอกย้ำความสำเร็จหลังแจ้งงบผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 91.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.70% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากการให้บริการรวม 809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.60%
ขณะที่งวดไตรมาส 3/2568 กำไรสุทธิ 32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% และรายได้จากการให้บริการรวม 272.70 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 มีแนวโน้มการเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้แตะระดับ 1,135 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% ตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจสู่การเติบโตในอนาคต สอดรับกับภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ เร่งเดินหน้าวางแผนกลยุทธ์การลงทุน ตามจำนวนความต้องการด้านการขนส่งและพื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้น ภายใต้งบลงทุน จำนวน 554 ล้านบาท เพื่อขยายการเติบโตใน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
ธุรกิจบริหารการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ : โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจดังกล่าวที่ระดับ 355 ล้านบาท เติบโต 14% ผ่านการใช้งบลงทุน 194 ล้านบาท เพื่อขยายโครงการลานตู้คอนเทนเนอร์ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายลานตู้คอนเทนเนอร์ที่แหลมฉบัง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 19.37 ไร่โดยสามารถรองรับจำนวนตู้เข้า - ออก ทั้งปีที่1 80,000 TEUs ซึ่งคาดจะเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค.นี้ และลานตู้คอนเทนเนอร์ ที่ลาดกระบัง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 24.30 ไร่ สามารถรองรับจำนวนตู้เข้า - ออก ทั้งปีที่ 200,000TEUs และลานตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวได้เปิดดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯประเมินรายได้ในปี 2569 แตะที่ 75 ล้านบาท และในปี 2570 เพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านบาท
ธุรกิจการให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือ : โดยในปีนี้ บริษัทฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายการขนส่งให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเพิ่มบริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีรถบรรทุกที่ให้บริการทั้งหมด 215 คัน และจากแผนขยายธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 545 ล้านบาท เติบโต 12% แบ่งเป็น รายได้หลักจากรถบรรทุก 490 ล้านบาท,รายได้จากรถบรรทุก EV 25 ล้านบาท และรายได้จากขนส่งภายในประเทศ 30 ล้านบาท
ธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ : โดยบริษัทฯ คาดการณ์รายได้ในธุรกิจนี้ ที่ระดับ 200 ล้านบาท ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูงและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แต่บริษัทฯ ก็ยังมุ่งมั่นเดินหน้าขยายตลาดในตะวันออกกลาง เนื่องจากมองว่าตลาดนี้มีศักยภาพ โดยเห็นจากมีการนำเข้าสินค้าที่สูงมาก ทำให้ตะวันออกกลางถือเป็นอีกภูมิภาค ที่มีความน่าสนใจในการขยายตลาด ทำให้ปีนี้บริษัทฯ มีส่วนการตลาดจากตะวันออก ถึง 4% จากเดิม 3% ทำให้บริษัทฯ วางแผนในปีถัดไปจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดดังกล่าวให้แตะระดับ 5%
พร้อมกันนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างพิจารณาขยายตลาดเพื่อเจาะในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะอเมริกา แต่ต้องพิจารณาเงื่อนไข Reciprocal Tax ควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน เพื่อเป็นการต่อยอดสู่การสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
ธุรกิจการให้บริการให้เช่าคลังสินค้า : บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้สำหรับธุรกิจนี้ไว้ที่ระดับ 35 ล้านบาท เติบโต 40% โดยในปีนี้บริษัทฯ มีการใช้งบลงทุนเพื่อการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวที่ 320 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ ในจังหวัดระยอง เฟส 2 ซึ่งมีพื้นที่ 18,000 ตรม. โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้เช่า ทำให้คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 1/2569 และจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2570 เป็นต้นไป โดยล่าสุดมีกลุ่มลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี และพลาสติก ให้ความสนใจเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และยังอยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายราย ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
“MPJ เดินหน้าลงทุนในโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ กรีนโลจิสติกส์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำลังเป็นเมกะเทรนด์สำคัญของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในปี 2569 คาดว่าจะเติบโต 3.4% ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ MPJวางแผนเดินหน้ามองหาโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน MPJมีกระแสเงินสดในมือสูงถึง 100 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดและวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่เพียงพอสำหรับการลงทุนในอนาคต โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02 เท่า”




ยอมรับการใช้งานคุกกี้ เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ การใช้งานที่ดีที่สุด