MENU

PSP คว้า SET ESG Rating ปี 2568 ระดับ “A” ยืนยันความมุ่งมั่น “เติบโต - ยั่งยืน”

 15 ธ.ค. 2568 00:00

บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับ SET ESG Ratings “A” สะท้อนความก้าวหน้าในการพัฒนาด้านความยั่งยืนตามเป้าหมายที่วางไว้ และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการรักษามาตรฐาน พร้อมยกระดับมาตรฐานสู่ FTSE Russell ESG Scores ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน ชุมชน และสังคมอย่างต่อเนื่อง


นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP ผู้นำด้านโซลูชันผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการประเมินในปีนี้ยืนยันชัดเจนถึงการดำเนินงานของ PSP ที่ยึดหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม การได้รับระดับ A จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นและผลักดันให้บริษัทเดินหน้าต่อยอดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลอย่างเข้มแข็ง


โดยในปีนี้ PSP มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้วยคะแนนสูงถึง 89 คะแนน สูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทส่วนใหญ่ในตลาด โดยได้ 100 คะแนนเต็ม ในหมวดความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ และได้ 97 คะแนนในหมวดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ


“แม้ PSP ทำได้โดดเด่นเหนือค่าเฉลี่ยทุกกลุ่มในมิติด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีส่วนที่บริษัทยังสามารถเพิ่มความเข้มแข็งในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การเปิดเผยนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมข้อกำหนดและผลกระทบ การตั้งเป้าหมายเชิงปริมาณด้านการลดของเสียอันตราย และการเปิดเผยบทบาทของคณะกรรมการต่อประเด็นความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate-related Risks) ส่วนมิติที่บริษัทต้องเร่งพัฒนา คือมิติด้านสังคม ซึ่งคะแนนในปีนี้ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมและตลาดอย่างมีนัยสำคัญ การยกระดับในส่วนนี้จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการก้าวสู่มาตรฐานใหม่ที่สูงขึ้นตามกรอบ SET ESG Ratings” นายเสกสรร กล่าว


นอกจากนี้ ในมิติด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ PSP มองเห็นโอกาสในการพัฒนาเพิ่มเติมในหลายด้าน อาทิ การเสริมความหลากหลายและความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการ โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญด้านบัญชีและการกำกับดูแล การยกระดับระบบบริหารความเสี่ยงและการติดตามความเสี่ยงเกิดใหม่ (Emerging Risks) รวมถึงความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้าน “ESG” ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ให้มีความครอบคลุมมากขึ้น พร้อมยกระดับความโปร่งใสของข้อมูลด้านธรรมาภิบาลและความยั่งยืน เพื่อสะท้อนมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มแข็งและรองรับความคาดหวังของนักลงทุนในระยะยาว


นายเสกสรร กล่าวว่า ผลการประเมินระดับ A ไม่เพียงสะท้อนมาตรฐานการดำเนินงานในปัจจุบัน แต่ยังเป็น “จุดเริ่มต้นของการยกระดับด้านความยั่งยืนครั้งใหม่” โดย PSP วางแผนเดินหน้าพัฒนาตามแนวทางความยั่งยืนที่กำลังจัดทำอยู่ในปีต่อไป อาทิ การสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ที่คำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การประยุกต์ใช้ AI ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในปัจจุบันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการข้อมูล ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการวิเคราะห์คุณภาพสินค้า (Quality Analytics) รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability & ESG Disclosure) โดยช่วยรวบรวม วิเคราะห์ และจัดการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลจากหลายแหล่งให้เป็นระบบเดียวกัน ลดความซ้ำซ้อนและความผิดพลาดของข้อมูล พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดทำรายงานความยั่งยืนและการเปิดเผยข้อมูลให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทั้งในและต่างประเทศ เช่น FTSE Russell ESG Scores, GRI, TCFD หรือมาตรฐานด้าน ESG อื่นๆ ได้อย่างเป็นระบบ โปร่งใส และตรวจสอบได้


การผสาน AI เข้ากับทั้งกระบวนการผลิตและการจัดการข้อมูลความยั่งยืน จึงไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและคุณภาพสินค้าเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน ความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน พร้อมสนับสนุนการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม การพัฒนาระบบการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สอดคล้องกับ UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGPs) โดยมีขั้นตอนการระบุ ประเมิน ป้องกัน และบรรเทาความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมสร้างกลไกการจัดการข้อร้องเรียนและการเยียวยาอย่างเท่าเทียมและมีความโปรงใส การพัฒนาระบบ Supply Chain ESG Due Diligence เพื่อประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ของผู้ส่งมอบ (Suppliers) ตามแนวทางมาตรฐานสากล


สำหรับเป้าหมายระยะถัดไป PSP ตั้งเป้ายกระดับการจัดทำรายงานความยั่งยืนของบริษัทเพื่อรองรับการจัดอันดับและการประเมิน FTSE Russell ESG Rating และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยบริษัทเตรียมเดินหน้าพัฒนาทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม มิติด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมิติด้านสังคมให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเพื่อการยกระดับคะแนนในรายงานผลคะแนนการประเมินความยั่งยืนในเอกสารเท่านั้น แต่เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อพนักงาน คู่ค้า ผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชน และสังคมอย่างยั่งยืน