
ก.ล.ต. สั่งปรับก๊วนซีอีโอ “TFG” รวม 6 รายใช้ข้อมูลอินไซด์ซื้อขายหุ้น - วอร์แรนต์ กว่า 1,125 ล้าน
29 ธ.ค. 2568 00:00
ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 6 ราย กรณีซื้อหุ้นบมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) และ TFG - W1 โดยใช้ข้อมูลภายใน หรือสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว เรียกให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 1,125,195,148.13 บาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 และตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า ช่วงเดือนมีนาคม – สิงหาคม 2559 ผู้กระทำความผิดทั้ง 6 ราย ได้แก่ (1) นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการของ TFG (2) นายนัฐวุฒิ เตียวสมบูรณ์กิจ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น TFG จำนวนเกินร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียน (3) นายวุฒิพงศ์ หวังสมบูรณ์ดี (หรือนายวุฒิพงศ์ รัตนานนท์) (4) นางสาวพนิดา ตรงธรรมกิจ (5) นางสาวกัญญารัตน์ ตรงธรรมกิจ และ (6) นางสาววรนาถ หวังสมบูรณ์ดี
โดยทั้ง 6 ราย ได้ซื้อหุ้น TFG และ TFG-W1 โดยอาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2559 ของ TFG ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 200.81 ล้านบาท และไตรมาสที่ 2 ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 670.73 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่มีสาระสำคัญด้านบวกต่อราคาหุ้น TFG ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนเป็นการทั่วไป หรือสนับสนุนการซื้อหุ้น TFG และ TFG-W1 โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าวใน 2 ช่วงเวลา แล้วแต่กรณี ดังนี้
ช่วงเกิดเหตุที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 12 พฤษภาคม 2559 นายวินัยร่วมกับนายนัฐวุฒิ ได้ซื้อหุ้น TFG โดยใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2559 ของ TFG ในบัญชีซื้อขายของนายวินัยและนายนัฐวุฒิ รวมทั้งนายวินัยได้ซื้อหุ้น TFG โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าวในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายวุฒิพงศ์ และนางสาวพนิดา โดยนายวินัยเป็นผู้รับประโยชน์ที่เกิดขึ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ที่ใช้บังคับในขณะกระทำความผิด หรือมาตรา 241 ประกอบมาตรา 241 วรรคสอง (2) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ (แล้วแต่กรณี) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ส่วนนายวุฒิพงศ์ และนางสาวพนิดา ได้ช่วยเหลือหรือสนับสนุนนายวินัยในการซื้อหุ้น TFG โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าว อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 241 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ช่วงเกิดเหตุที่ 2 ระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม – 10 สิงหาคม 2559 (ช่วงเช้า) นายวินัย ร่วมกับนายนัฐวุฒิ ได้ซื้อหุ้น TFG และ TFG-W1 โดยใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ของ TFG ในบัญชีซื้อขายของนายนัฐวุฒิ และนายวินัยได้ซื้อหุ้น TFG และ TFG-W1 ใช้ข้อมูลภายในดังกล่าวในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอีก 4 ราย ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ นางสาวพนิดา นางสาวกัญญารัตน์ และนางสาววรนาถ การกระทำของนายวินัยและนายนัฐวุฒิเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 241 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ที่ใช้บังคับในขณะกระทำความผิด หรือมาตรา 241 ประกอบมาตรา 241 วรรคสอง (2) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ (แล้วแต่กรณี) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ส่วนนายวุฒิพงศ์ นางสาวพนิดา นางสาวกัญญารัตน์ และนางสาววรนาถ ได้ช่วยเหลือหรือสนับสนุนนายวินัยในการซื้อหุ้น TFG และ TFG-W1 โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าว อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 241 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
การกระทำของผู้กระทำความผิดทั้ง 6 รายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 241 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ซึ่งเป็นเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทำความผิด และปัจจุบันพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ซึ่งแก้ไขโดยฉบับที่ 5) ยังคงบัญญัติให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 242 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ทั้งนี้ บทเฉพาะกาลมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ซึ่งแก้ไขโดยฉบับที่ 5 กำหนดให้รัฐสามารถนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 6 รายได้ โดยโทษที่จะกำหนดแก่บุคคลทั้ง 6 ราย ต้องไม่เกินกว่าอัตราโทษที่กฎหมายบัญญัติในขณะกระทำความผิด กล่าวคือ ให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ (ถ้ามี)
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) จึงมีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 6 ราย สำหรับการกระทำความผิดทั้ง 2 ช่วงเวลา ดังนี้
1. ให้นายวินัย ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ รวมจำนวน 1,122,195,148.15 บาท
2. ให้นายนัฐวุฒิ ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 1,000,000 บาท
3. ให้นายวุฒิพงศ์ นางสาวพนิดา ชำระค่าปรับทางแพ่ง รายละ 666,666.66 บาท
4. ให้นางสาวกัญญารัตน์ และนางสาววรนาถ ชำระค่าปรับทางแพ่ง รายละ 333,333.33 บาท
มาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ได้แก่ การให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ดังกล่าวข้างต้น จะมีผลเมื่อผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด
ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง
การที่ ค.ม.พ. เห็นควรให้นำมาตรการลงโทษปรับทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายวินัย ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัทจดทะเบียนเป็นเหตุให้นายวินัยเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนตามข้อ 3(2) และข้อ 5(2) ของประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 (ประกาศ ที่ กจ. 3/2560) ทำให้นายวินัยต้องพ้นจากการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน โดย ก.ล.ต. อาศัยอำนาจตามข้อ 6(2) ของประกาศ ที่ กจ. 3/2560 กำหนดระยะเวลาขาดความน่าไว้วางใจเนื่องจากการกระทำความผิดจำนวน 2 กระทงข้างต้น เป็นเวลารวม 40 เดือน นับแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2568




ยอมรับการใช้งานคุกกี้ เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ การใช้งานที่ดีที่สุด