มี “ผู้” ที่เราปลื้ม ติดอยู่ในลิสต์หรือเปล่านะ? มาเช็กกันเลยว่า ราคาค่าตัวหรือค่าเหนื่อยของโอปป้าในซีรีส์เกาหลีที่อยู่ในอันดับท็อป ๆ นั้น มีใครกันบ้าง

6. “อีมินโฮ” (Lee Min Ho) นับแต่แจ้งเกิดจากซีรีส์ Boys Over Flower หรือซีรีส์ F4 เกาหลี เมื่อปี 2009 ในบท “โกจุนพโย” หรือ “เต้าหมิงซื่อ” เวอร์ชั่นแดนกิมจิ พระเอกของเรื่อง ถัดจากนั้น “อีมินโฮ” วัย 34 ปี ก็มีผลงานฮิตต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์​ City Hunter (2011), The Heir (2013), Legend of the Blue Sea (2016) และ The King: Eternal Monarch (2020) ไม่นับรวมหนัง Gangnam Blues ผลงานแสดงนำเรื่องแรกที่ส่งเขาคว้ารางวัลนักแสดงดาวรุ่งทันที โดย “อีมินโฮ” รับค่าเหนื่อย 80,000 ดอลลาร์ หรือราว 2.64 ล้านบาทต่อซีรีส์ 1 ตอน

5. “โซจีซบ” หรือ “โซจีซอบ” (So Ji Sub) อปป้าที่โด่งดังมายาวนานนับแต่ยุค 90 และเพิ่งสละโสดอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนเมษายน ปี 2020 กับผู้ประกาศข่าวรุ่นน้อง “โจอึนจอง” (Jo Eun Jung) ซึ่งถือเป็นสาวคนแรกที่เขามีข่าวเดตด้วยนับแต่คร่ำหวอดในวงการมากว่า 20 ปี

“โซจีซบ” มีผลงานซีรีส์ฮิตนับไม่ถ้วนตั้งแต่ What Happened in Bali และ I’m Sorry, I Love You (2004), Master’s Sun (2013), Oh My Venus (2015) ไม่นับรวมหนังดังอย่าง Rough Cut (2008), Always (2011), The Battleship Island (2017) และ Be with You (2018) “โซจีซบ” รับค่าเหนื่อย 67,000 - 90,000 ดอลลาร์หรือราว 2.2 - 2.97 ล้านบาทต่อซีรีส์ 1 ตอน

4. “ฮยอนบิน” (Hyun Bin) วัย 39 ปี คนนี้ไม่ต้องพูดเยอะเพราะเล่นอะไรเป็นต้องฮิต นับแต่แจ้งเกิดจากซีรีส์ My Name is Kim Sam Soon (2005) มาจนถึงซีรีส์สลับร่างสร้างรัก Secret Garden (2010) จนล่าสุด Crash Landing on You หรือ “ปักหมุดรักฉุกเฉิน” ซึ่งรั้งอันดับ 3 ซีรีส์ช่องเคเบิ้ลเรตติ้งสูงสุดตลอดกาล และทำให้เขาได้พบรักกับว่าที่เจ้าสาวอย่าง “ซนเยจิน” (Son Ye Jin) นางเอกคู่ขวัญจากเรื่องนี้

ข่าวระบุว่าค่าเหนื่อยของเขาก้าวกระโดดจาก 27,000 ดอลลาร์หรือราว 891,000 บาทต่อซีรีส์ 1 ตอน มาเป็น 113,000 ดอลลาร์หรือราว 3.73 ล้านบาทต่อ 1 ตอนจากซีรีส์เรื่องล่าสุดนี้

3. “ซงจุงกิ” (Song Joong Ki) วัย 36 ปี อีกหนึ่งพระเอกขายดีที่ชื่อการันตีความนิยมของผลงานอีกหนึ่งคนไม่ว่าจะซีรีส์ Sungkyunkwan Scandal (2010), หนัง A Werewolf Boy (2012), ซีรีส์ Descandants of the Sun (2016), หนัง The Battleshio Island (2017), ซีรีส์ Arthdal Chronicles (2019)

ส่วนปีนี้ “ซงจุงกิ” มีหนัง Space Sweepers เข้าฉายและซีรีส์ Vincenzo หรือ “ทนายมาเฟีย” ลงจอ โดยซีรีส์เรื่องล่าสุดนี้เขารับค่าเหนื่อยต่อตอนสูงถึง 170,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 5.61 ล้านบาท

2. “อีจองแจ” (Lee Jung Jae) พระเอกผู้คร่ำหวอดจากยุค 90 เป็นที่จดจำจากหนัง Il Mare (2000), Last Present (2001), The Thieves (2012), The Face Reader (2013) และอีกมาก แต่ที่ทำให้เขากลับมาเปรี้ยงมากในปีนี้ก็ต้องยกให้บท “ซองกีฮุน” ในซีรีส์ Squid Game หรือ “เล่นลุ้นตาย” ซีรีส์ฮิตอันดับหนึ่งบน Netflix กับยอดผู้ชมกว่า 111 ล้านคนในเวลาไม่ถึงเดือน

“อีจองแจ” รับค่าเหนื่อยจาก Squid Game ไปตอนละ 300 ล้านวอนหรือราว 8.5 ล้านบาท รวม 9 ตอนรับไปทั้งสิ้น 3,100 ล้านวอนหรือกว่า 87 ล้านบาท ก้าวกระโดดมาเป็นที่ 2 ของโผนี้ทันที

1. “คิมซูฮยอน” (Kim Soo Hyun) วัย 33 ปี พระเอกเจ้าของสมญา “นายต่างดาว” หลังประกบนางเอกยัยตัวร้าย “จวนจีฮุน” หรือ “จอนจีฮยอน” (Jun Ji Hyun) ในซีรีส์ My Love from the Star (2013) แล้วฮอตทั่วเอเชีย นี่ไม่รับรวมซีรีส์ Dream High (2011), Moon Embracing the Sun (2012), The Producers (2015) จนมาถึงซีรีส์ที่เป็นการคัมแบ็กจอแก้วรอบ 5 ปีอย่าง It’s Okay to Not Be Okay (2020) ที่รับค่าเหนื่อยไป 155,000 ดอลลาร์หรือกว่า 5.11 ล้านบาท

ส่วนปีนี้ “คิมซูฮยอน” มีซีรีส์ใหม่ One Ordinary Day ที่ดัดแปลงสร้างจากซีรีส์ Criminal Justice จากอังกฤษ โดยได้ประกบพระเอกรุ่นพี่ “ชาซึงวอน” (Cha Seung Won) ในเรื่องราวการสืบคดีฆาตกรรม ค่าเหนื่อยของ “คิมซูฮยอน” จากเรื่องนี้ข่าวว่ารับไปสูงถึงตอนละ 440,000 ดอลลาร์หรือราว 14.52 ล้านบาท ส่งเขาครองแชมป์พระเอกซีรีส์เกาหลีค่าตัวแพงอันดับ 1 กับทรัพย์สินในครอบครองร่วม 4 พันล้านบาท