“นิต้า-มานิตา" จากคนที่หนักเกือบ 100 โล สู่ตำแหน่งนางสาวไทย 2565

7 ก.พ. 2565 00:00

มงลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการประกวดบนเวทีนางสาวไทยปี 2565 โดยผู้ที่ได้ตำแหน่งนางสาวไทยคนที่ 53 ของประเทศไทยไปครอบครอง นั่นก็คือ “นิต้า-มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์" สาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 25 ปี

เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักตัวตนของเธอให้มากขึ้นกันดีกว่า...

“นิต้า” เธอเกิดและเติบโตที่จังหวัดภูเก็ต และได้มาเรียนปริญญาตรีต่อที่คณะคอมมูนิเคชัน อาร์ต วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จบการศึกษาได้รับปริญญาบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1

ปัจจุบัน “นิต้า” ทำงานเป็นเซลล์เมเนเจอร์ และเป็นครูอาสา ในตำแหน่งวิทยากรพิเศษส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ณ โรงเรียนวัดบางไผ่นารถ อ.บางเลน จ.นครปฐม

สำหรับเส้นทางการประกวดแล้ว “นิต้า” เคยเดินสายประกวดหลายเวที โดยก่อนหน้านี้ได้รับตำแหน่ง รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ภูเก็ต ในปี พ.ศ. 2560 และTop 12 Miss Thailand World ในปี พ.ศ. 2561 จนกระทั่งล่าสุดได้ตำแหน่งนางสาวไทย ปี พ.ศ. 2565

โดยก่อนที่จะเริ่มต้นมาประกวดและเดินสายนางงาม “นิต้า” พยายามอย่างมากที่จะลดน้ำหนัก เพราะก่อนหน้านี้เธอมีน้ำหนักตัวเกือบ 100 กิโลกรัม เพราะเธอได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้มีความสุขกับการกินมาก จนน้ำหนักพุ่ง พอกลับมาไทยมีคนทักเลยหมดความมั่นใจเธอจึงพยายามลดน้ำหนัก

โดยเธอเล่าว่าทำมาหลายสูตรมาก ทั้ง อดอาหาร งดมื้อเย็น งดแป้ง กินแต่ผัก กินตามกรุ๊ปเลือด ออกกำลังกายหนักมาก ฯลฯ สุดท้ายก็ได้ปรับทัศนคติและยอมรับว่าโครงสร้างของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น แค่เป็นเราในแบบที่ดีที่สุด พยายามให้ดีที่สุด แค่นั้นก็พอ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ย่อท้อ ไม่ลดละความมุ่งมั่นตั้งใจและความพยายาม จนสามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 40 กิโลกรัม มีรูปร่างที่สวยสง่าอย่างทุกวันนี้

นอกจากนี้แล้วนิต้ายังบอกอีกว่าการมารับตำแหน่งตรงนี้เธออยากโฟกัสเรื่องการศึกษา เรื่องวัฒนธรรม และอยากมาทำงานให้กับประเทศจริง ๆ

“วันนี้ภาคภูมิใจมากค่ะ เพราะเราตั้งใจมาเวทีนี้ เพื่อบริบทของมันจริง ๆ ต้าอยากจะโฟกัสเรื่องการศึกษา เรื่องวัฒนธรรมจริง ๆ เพราะฉะนั้นแล้วมงกุฎและตำแหน่งนี้ต้าจะทำมันอย่างเต็มที่มากที่สุดค่ะ

ต้าพยายามมาตลอด และต้าทำทุกกิจกรรมอย่างเต็มที่จริง ๆ และดีใจมากค่ะที่วันนี้กรรมการเล็งเห็นแล้วว่าต้าเหมาะสมกับตำแหน่งนางสาวไทยค่ะ คิดว่าเป็นความตั้งใจในทุก ๆ กิจกรรมที่ทำให้มีวันนี้ค่ะ อย่างที่ต้าบอก ตั้งแต่วันแรกว่าต้าตรงกับบริบทนางสาวไทยในปีนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทูตวัฒนธรรม เรื่องการศึกษา ต้าสนใจเรื่องนี้และได้ลงมือทำจริง ๆ ฉะนั้นดีใจจริงๆ ค่ะ”