Cyberpunk: Edgerunners อนิเมะที่ต่อยอดมาจากเกมดังอย่าง Cyberpunk 2077 ที่แม้จะฉายไปได้เกือบ 2 อาทิตย์แล้ว แต่กระแสก็ยังคงบูม และเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ถึงความสนุกและยอดเยี่ยมของมัน จนหลาย ๆ คนยกให้มันกลายเป็นหนึ่งในอนิเมะที่ดีที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้ วันนี้เราจึงนำเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดว่าที่อนิเมะแห่งปีเรื่องนี้มาฝากกัน

1. ส่วนผสมที่ลงตัวของโลกตะวันตก และตะวันออก

Cyberpunk: Edgerunners เป็นซีรีย์อนิเมะไซไฟ อาชญากรรม ผลงานการสร้างของStudio Triggerสตูดิโอผลิตอนิเมะอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่แม้จะไม่ได้มีลายเส้นสวยที่สุด แต่ก็มีเอกลักษณ์น่าจดจำเป็นอย่างมาก โดยผลงานก่อน ๆ ของสตูดิโอนี้ก็มีทั้ง Kill la Kill , Darling in the FranXX , Little Witch Academiaรวมถึงยังเคยทำ Star Wars:Visions ให้กับช่อง Disney+ อีกด้วย

โดย Studio Trigger ได้รับหน้าที่ในการสร้างอนิเมะเรื่องนี้จากทาง CD Projekt RED ทีมงานผู้สร้างเกมต้นฉบับ นำเอาเรื่องราวที่พวกเขาสรรค์สร้างไว้ มาถ่ายทอดเป็นลายเส้นในแบบอนิเมะญี่ปุ่น ผลที่ได้คือการผสมผสานที่ลงตัวมาก ๆ ด้วยงานภาพที่มีสีสันฉูดฉาด มีลายเส้นที่ลื่นไหล ฉากแอ็คชั่นมันส์ซะใจสไตล์อนิเมะ มาผสมกับเรื่องราวที่เข้มข้น เล่ากระชับเพียง10ตอนจบเท่านั้น

มีการใช้ดนตรีประกอบภาษาอังกฤษ มีเนื้อหาที่ลึกซึ้ง โหด ดิบ เถื่อน มีภาษาหยาบคาย การใช้ยาเสพติด และฉากโป๊เปลือยเกือบทุกตอน ก็เป็นการบ่งบอกว่าอนิเมะเรื่องนี้ ทำมาขายเฉพาะผู้ใหญ่ดูเท่านั้น ต่างจากอนิเมะทั่วไปของญี่ปุ่น ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก หรือไม่ก็วัยรุ่น ซึ่งแม้จะมีบทพูดสไตล์ญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่ก็น้อยมาก หากเทียบกับอนิเมะโดยส่วนใหญ่

2. ตัวละครมีเสน่ห์ ออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยม

การออกแบบตัวละครที่น่าจดจำ เป็นเอกลักษณ์ของอนิเมะญี่ปุ่นอยู่แล้ว ซึ่งมาในเรื่องนี้ก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เหล่าตัวละครต่าง ๆ ในเรื่องล้วนมีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน แล้วพอเป็นโลกอนาคตแบบ Cyberpunk ที่มีเทคโนโลยีล้ำยุค

สวนทางกลับคุณภาพชีวิตของผู้คน ก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สร้างสามารถใส่จิตนาการในการออกแบบตัวละครได้มากยิ่งขึ้น เราจะเห็นการประยุกต์ใช้อวัยวะเทียมในแบบต่าง ๆ ที่นอกจากจะเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับตัวละครแล้ว ยังมาเพิ่มความสามารถ และสะท้อนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในเมือง ที่ยิ่งชนชั้นสูงขึ้น อุปกรณ์เหล่านั้นก็จะดูหรู ดูแพงขึ้นไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ตัวละครต่าง ๆ ในเรื่อง ก็มีความเป็นมนุษย์ มีความรัก โลภ โกรธ หลง มีจุดมุ่งหมาย มีความกลัวในใจ ซึ่งจะค่อนข้างต่างจากอนิเมะทั่วไป ที่เหล่าพระเอกก็มักเป็นคนดี ห้ามทำชั่ว หรือต้องช่วยกันกอบกู้โลกอะไรแบบนั้น แต่ในเรื่องนี้กลับเป็นการเอาตัวรอดไปวัน ๆ ภายในเมืองที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ พวกเขาจึงต้องฆ่าคน ปล้น ทำสิ่งผิดกฏหมายมากมาย หรือกระทั่งการหักหลังกันเอง เพราะไม่มีใครที่เราสามารถไว้ใจได้นอกจากตัวเราเอง และด้วยความที่เหล่าตัวละครสามารถตายได้ แม้จะเป็นตัวละครหลักก็ตาม ก็ยิ่งทำให้เรื่องราวสนุก ลุ้น น่าตื่นเต้น และคาดเดาได้ยากขึ้นไปอีก

3. ต่อยอดจากเกมที่กำลังจะตาย

อย่างที่รู้กันว่าอนิเมะเรื่องนี้ เป็นการต่อยอดจากเกม Cyberpunk 2077 ที่ออกมาในปี 2020 แต่ในตอนนั้นกลับมีกระแสด้านลบมาก ๆ เพราะตัวเกมอยู่ในขั้นสร้างไม่เสร็จเลยก็ว่าได้ มีทั้งบั๊ก ทั้งปัญหามากมายจนไม่สามารถเล่นได้ แถมฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีเหมือนที่โปรโมทไว้ จนทำให้เหล่าเกมเมอร์พากันสาปส่งมากมาย ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะผลงานชิ้นก่อนของพวกเขาอย่าง The Witcher 3 ทำมาตรฐานไว้ดีมาก ๆ จนถูกยกให้เป็นเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล

ทางทีมงานผู้สร้าง อย่าง CD Projekt RED ก็พยายามกู้ศรัทธาคืนมาให้ได้ ตั้งแต่การออกแพทช์แก้ไข มีการอัพเดทตัวเกม หรือเพิ่มสิ่งต่าง ๆ เข้ามาอยู่เสมอเป็นเวลาเกือบ 2 ปี แต่ก็เหมือนว่ามันจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เหล่าเกมเมอร์พอใจ ซึ่งโปรเจคต์อนิเมะ Cyberpunk: Edgerunners เรื่องนี้ ก็คาดว่าถูกสร้างขึ้นเพราะเหตุว่าเพื่อต้องการเพิ่มคอนเทนต์ให้ตัวเกมเช่นกัน

แล้วก็เหมือนว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ เพราะหลังจากที่อนิเมะออกฉายในวันที่13กันยายนที่ผ่านมา ยอดผู้เล่นของตัวเกมก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถทำลายสถิติมากมาย และยังทำให้ตัวเกมกลับมาขายดีติดอันดับได้อีกครั้ง

เพราะด้วยโลเกชั่นต่าง ๆ ในอนิเมะ ที่ถอดแบบมาจากในเกมโดยตรง ทำให้เหล่าผู้ชมสามารถเข้าไปในเกมเพื่อตามรอยได้ อุปกรณ์ต่าง ๆ อาวุธ ยานพาหนะ หรือเสียงดนตรีประกอบ ก็ล้วนนำมาจากเกมต้นฉบับทั้งสิ้น และหลังจากการอัพเดตครั้งล่าสุด ทีมงานก็ได้เพิ่ม Easter egg ถึงตัวละครต่าง ๆ ในอนิเมะ ให้ผู้เล่นคิดถึงอีกด้วย Cyberpunk: Edgerunners จึงไม่เพียงแต่เป็นการขยายจักรวาลเกมเท่านั้น แต่มันยังสามารถชุบชีวิตเกมที่เกือบตาย ให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งได้สำเร็จ

อนิเมะ Cyberpunk: Edgerunners มีให้ดูแล้ววันนี้ทาง Netflix

ผู้เขียน : นันทิภาคย์ กิตติคุณปกรณ์