ถือว่าเป็นกระแสจริง ๆ สำหรับแอปพลิเคชันใหม่ที่มีชื่อว่า “Threads” ที่ได้มีการพัฒนามาจากแพลตฟอร์มของ Meta เพื่อนำมาเป็นคู่แข่งสำคัญอย่างแอปพลิเคชัน Twitter เพราะ Threads ต้องการสร้างสิ่งแปลกใหม่ที่เรียบง่ายที่ Twitter ไม่สามารถทำหรือพัฒนาออกมาได้ จึงกลายเป็นกระแสแรงอย่างมากในช่วงนี้

ปัจจุบันมีการแข่งขันสำคัญ ๆ ในแวดวงเทคโนโลยีอยู่หลายองค์กร แต่ที่ผู้คนจับตามองอย่างใกล้ชิด คงจะหนีไม่พ้นผู้บริหารยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้สร้างและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารออนไลน์ทั่วโลกอย่างมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้เป็นเจ้าของเมตา (Meta) และอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้เป็นเจ้าของทวิตเตอร์ (Twitter) ที่เคยมีการโต้แย้งกันผ่านโซเชียลจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตบนโลกออนไลน์ จึงเป็นการจุดชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “Threads” ขึ้นนั่นเอง

ซึ่งเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2566 ก็ได้มีการประกาศจากทางเมตา ที่ได้เปิดให้บริการแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “Threads” อย่างเป็นทางการ ซึ่งสามารถเข้าร่วมผ่านบนเว็บไซต์ threads.net หรือเลือกดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่าน iOS และ Android ได้เช่นกัน โดยสามารถใช้งานง่าย ๆ เพียงล็อกอินผ่านแอ็กเคานต์ Instagram ที่มีอยู่แล้วได้ หลังจากนั้นทำให้ผู้คนเริ่มเข้าไปใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก สร้างยอดดาวน์โหลดมากถึง 10 ล้านภายใน 7 ชั่วโมง

Threads เป็นแอปพลิเคชันใหม่ที่มีการรองรับการบริการใน 100 ประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าประเทศไทยของเราก็รวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ยกเว้นประเทศฝั่งยุโรปที่ยังติดเรื่องของข้อมูลส่วนบุคคลที่กำลังดำเนินการอยู่

ความพิเศษของ Threads คือสามารถโพสต์ข้อความได้ 500 ตัวอักษร อับโหลดภาพ และอับโหลดวิดีโอความยาวไม่เกิน 5 นาที ได้ จะเห็นได้ว่ามีฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Twitter ทั้งหมด แต่จะเน้นไปที่อินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ทั้งตัวเลือกในการกดถูกใจ การแสดงความคิดเห็น การโพสต์ และการแชร์ที่ใช้งานบนระบบของเมตา (Meta) อื่น ๆ เพื่อความคุ้นชินให้กับผู้ใช้บริการนั่นเอง

นอกจากนี้ Threads ยังมีความพิเศษจากการใช้บัญชี Instagram ในการล็อกอินได้ ส่งผลให้มีรายชื่อผู้ติดตามจากบัญชี Instagram เชื่อมโยงกันบนแพลตฟอร์มในระบบเมตา (Meta) ได้ แต่ผู้ใช้งานจะต้องกดติดตามใหม่บนแพลตฟอร์มของ Threads โดยไม่ต้องขอไอดีใหม่จากเพื่อน

แล้วหลังจากนี้ Twitter จะเป็นอย่างไร หรือจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ๆ หรือไม่ แล้วกระแสความนิยมของ Threads จะดีขึ้นหรือมีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป