“อี บยอง ฮอน” นักแสดงเกาหลี ผู้ไม่เคยหยุดความพยายาม
30 ส.ค. 2566 00:00หากพูดถึงนักแสดงเกาหลีที่มีความสามารถในการแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ สามารถเล่นได้ทุกบทบาทแสดงได้ทุก ๆ แนว มีเสน่ห์โดยไม่อาศัยหน้าตา และโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลลีวูดมาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ “อี บยอง ฮอน” อย่างแน่นอน
และเพื่อเป็นการต้อนรับผลงานหนังฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ของอีบยองฮอนอย่าง “Concrete Utopia”หนังที่เป็นตัวแทนเกาหลีใต้ส่งชิงรางวัลสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม จากเวทีออสการ์ในปี 2024 วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมารู้จักกับนักแสดงผู้มากความสามารถคนนี้ให้มากขึ้นกัน
“อี บยอง ฮอน” เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมปี 1970 ในกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ ในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะเนื่องจากพ่อเป็นนักธุรกิจ เขามีน้องสาวอีก1คน ซึ่งด้วยความเป็นพี่คนโตทำให้อีบยองฮอนถูกเล็งให้รับช่วงต่อธุรกิจต่อจากพ่อของเขา และเขาก็ไม่เคยมีความคิดว่าตัวเองจะเป็นนักแสดงเลย จนกระทั่งในปี 1990 เมื่อเพื่อนของพ่อได้ชวนให้อีไปออดิชั่นกับสถานีโทรทัศน์ KBS และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพการแสดงของอีบยองฮอนนับแต่นั้น
ผลงานเรื่องแรกของอีบยองฮอน คือละครทีวีเรื่อง “Asphalt My Hometown” ในปี 1991 ที่เขาได้รับบทนำตั้งแต่เรื่องแรก แต่ด้วยความที่ไม่ได้เรียนการแสดงมาก่อน ก็ทำให้อีรู้สึกกดดันในการเล่นละครเป็นอย่างมาก แถมผู้กำกับยังเคยพูดกับเขาอีกว่า “นี่จะเป็นงานแสดงครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของนาย” ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองอาจไม่เหมาะกับวงการนี้ แต่อีก็ไม่ยอมแพ้ เขาฝึกฝนการแสดงและพัฒนาฝีมือให้มากขึ้น จนถึงขั้นได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก KBS Drama Awards
เขายังคงรับงานแสดงในช่อง KBS เรื่อยมาจนหมดสัญญา อีบยองฮอนก็เริ่มขยับไปแสดงในหนังใหญ่ เริ่มต้นจากเรื่อง “Who Drives Me Mad?” ในปี 1995 แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จสักเรื่อง จนกระทั่งในปี 2000 ที่เขามีโอกาสได้แสดงนำในหนังเรื่อง J.S.A.Joint Security Area หนังระทึกขวัญ-การเมือง ของผู้กำกับ ปาร์ค ชาน-วุค ที่เขายังแสดงประกอบคู่กับ 2 ดารามากฝีมืออย่าง ซอง คังโฮ และ อี ยอง-แอ แต่อีบยองฮอนก็ไม่ได้ถูกรัศมีของ 2 คนนี้กลบแต่อย่างใด เขากลับมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยม จนถือเป็นการแจ้งเกิดเขาในฐานะนักแสดงแนวหน้าของวงการเลยทีเดียว
ในปี 2005 อีบยองฮอนได้แสดงนำในหนังเรื่อง "A Bittersweet Life" ที่แม้ตัวหนังจะไม่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ แต่นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในระดับสากล เมื่อหนังได้รับเลือกให้เข้าร่วมในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ในปี 2005 และทำให้อีบยองฮอนได้เดินพรมแดงครั้งแรกในชีวิต ซึ่งการแสดงของเขาในเรื่อง ก็ถูกชื่นชมโดยเหล่านักวิจารณ์ทั่วโลกเช่นกัน
ก่อนจะได้โกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลลีวูดอย่าง GI Joe: Rise of Cobraในปี 2010 ในบทStorm Shadow วายร้ายสุดเท่ในเรื่อง, RED 2 ในปี 2013 , Terminator Genisys ในปี 2015 และ The Magnificent Sevenในปี 2016 ซึ่งในการแสดงหนังฮอลลีวูด อีบยองฮอนต้องปรับตัวในหลายอย่าง อย่างแรกคือเรื่องภาษาที่แม้เขาจะมีทักษะภาษาอังกฤษจากการเรียนตอนอายุ 18 และมีญาติที่อาศัยอยู่อเมริกา แต่ถึงอย่างนั้นการพูดกับการแสดงก็แตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งเขาก็ได้ฝึกฝนทำการบ้านอย่างหนัก จนปัจจุบันเขาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
และอีกเรื่องคือการจัดตารางงาน เพราะที่ฮอลลีวูดจะมีระเบียบคิวถ่ายทำอย่างชัดเจนและเป็นระบบ ต่างจากเกาหลีในสมัยนั้นที่มักถ่ายทำกันทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก (เหมือนที่ไทยตอนนี้) แต่ก็เหมือนนักแสดงเอเชียหลาย ๆ คน ที่ฮอลลีวูดมักจะมอบแต่บทเดิม ๆ ให้กับพวกเขา ไม่วายร้ายก็บทแอ็คชั่น ซึ่งอีบยองฮอนก็รู้ดีจึงเฟดตัวออกมา และหันมารับงานแสดงในประเทศบ้านเกิดของเขา นำความรู้ที่ได้มาพัฒนาวงการ และพลักดันให้เทียบเท่ากับระดับสากล จนปัจจุบันวงการบันเทิงเกาหลีก็เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ซึ่งผลงานเหล่านั้นก็มักมีชื่อของอีบยองฮอนเสมอ ทั้ง Squid Game , Emergency Declaration , Ashfall , The Good the Bad the Weird และ I Saw the Devil
ต่อไปนี้เป็นเกร็ดน่ารู้ของอีบยองฮอนที่เรานำมาฝากกัน
1.อีบยองฮอนเป็นคนที่มีความสามารถมากมายนอกจากการแสดงแล้วเขายังสามารถร้องเพลงเล่นดนตรีเล่นกีฬาทำธุรกิจและพูดได้ถึง 5 ภาษาทั้งภาษาเกาหลีอังกฤษจีนกลางฝรั่งเศสและญี่ปุ่น
2.อีบยองฮอนเป็นที่ชื่นชอบของคนญี่ปุ่นมากเขาเคยปล่อยผลงานเพลงในภาษาญี่ปุ่นและเคยแสดงคอนเสิร์ตณ Tokyo Domeในปี 2006 ที่มีแฟนๆมาเข้าชมกว่า 45,000 คนเลยทีเดียว
3.ในปี 2006 อีบยองฮอนได้รวมก่อตั้งบริษัท BH Entertainment สตูดิโอผลิตหนังและซีรีส์ที่แม้เริ่มแรกจะมีเพียงเขาเป็นนักแสดงอยู่คนเดียวแต่สตูดิโอแห่งนี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันมีนักแสดงในสังกัดดังๆมากมายเช่นโกซู ,พักจิน-ย็อง ,คิมโก-อึน ,พักจี-ฮูหรือฮันฮโย-จูเป็นต้น
4.ในปี 2012 อีบยองฮอนและอันซองกิคือ 2 นักแสดงชาวเอเชียคนแรกที่เคยได้ประทับรอยมือและรอยเท้าไว้ที่ The TCL Chinese Theater โรงหนังเก่าแก่ของฮอลลีวูดที่ตั้งอยู่ในเมืองลอสแอนเจลิสรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งมีความขลังไม่ต่างจาก Hollywood Walk of Fame เลยทีเดียว
5.เขาเป็นนักแสดงเกาหลีคนแรกที่ได้เป็นตัวแทนขึ้นกล่าวรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในปี 2016 คู่กับโซเฟียเวอร์การ่านักแสดงจากซีรีส์ Modern Family
6.งานอดิเรกของอีบยองฮอนคือการออกกำลังกายเมื่อมีเวลาว่างเขามักจะเข้ายิมซ้อมเทควันโดเล่นกอล์ฟและว่ายน้ำในช่วงฤดูร้อนแต่ถ้าหากในฤดูหนาวเขาจะชอบเล่นสโนว์บอร์ดซึ่งเขายังเล่าว่าการหาเวลาออกกำลังกายในเวลางานนั่นยากมากเขาจึงมักเลือกพักโรงแรมที่มีห้องยิมเสมอ
7.แม้จะมีประสบการณ์ในการแสดงมากว่า 30 ปี แต่อีบยองฮอนก็รู้สึกว่าตัวเองยังต้องเรียนรู้อยู่เสมอเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มแสดงในโปรเจกต์ใหม่ ๆ เขาจะตั้งสมาธิและทำตัวให้รู้สึกเหมือนได้แสดงเป็นครั้งแรกเพราะการทำเป็นรู้ทุกอย่างจะทำให้เขาไม่รู้สึกตื่นตัวและอาจทำให้แสดงออกมาไม่ดี
8.ในการปั้นหุ่นมารับบท Storm Shadow นั้น อีบยองฮอนต้องกินอกไก่ไข่ขาวปลาแซลมอนบรอกโคลีและโปรตีนเช็คกว่า 5 มื้อต่อวันพักผ่อนวันละ 8 ชม.ออกกำลังกายอย่างน้อย 1 ชม.ต่อวัน และหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์
9.อีบยองฮอนได้คบหากับอีมินจองในปี 2006 ก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกันในปี 2013และมีลูกชายด้วยกัน 1 คนเมื่อปี 2015 แม้ที่ผ่านมาจะมีเรื่องไม่ลงรอยกันอยู่บ้างในช่วงแรกแต่ปัจจุบันทั้งคู่ก็คบกันมากว่า 10 ปี และเพิ่งประกาศเมื่อต้นเดือนสิงหาคมว่ากำลังจะมีลูกคนที่ 2 อีกด้วย
10.สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือการแสดงของอีบยองฮอนคือการที่เขาได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้านการแสดงต่างๆทั้งในเกาหลีและต่างประเทศมากว่า 100 รางวัล และคว้ารางวัลมาได้เกือบ 80% เลยทีเดียว
และนี่คือเรื่องราวของ “อีบยองฮอน” นักแสดงผู้ไม่เคยหยุดความพยายามและส่งผลให้เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงเกาหลีที่ดีที่สุดในยุคนี้
ที่มา
https://www.preview.ph/culture/lee-byung-hun-facts-bio-a2186-20220419
https://www.thefamouspeople.com/profiles/lee-byung-hun-33849.php
https://asianwiki.com/Lee_Byung-Hun
https://www.quora.com/What-languages-does-Lee-Byung-hun-speak
https://anstmdrb1.wordpress.com/2016/01/29/diet-5-shadow-strom-diet-byung-hun-lee/