MENU

แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์ จากตำนานสุดหลอน เตรียมกลายเป็นภาพยนตร์เปิดจักรวาล!

 2 ก.พ. 2567 00:00

“แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์” เป็นตำนานเก่าแก่ที่ถูกพูดถึงมาหลายทศวรรษ จนกลายเป็นคำพูดติดปากของคนไทย มาตั้งแต่ยุคต้นรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบันนี้ กำลังจะถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เปิดโปรเจกต์ “Siam Cinematic Universe ”Phase 1 ที่อาจเป็นหนังจักรวาลหนังสยองขวัญของเมืองไทย แต่เรื่องราวจะเป็นมาอย่างไร วันนี้ Okay Cinema จะมาเล่าให้ฟัง


วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือที่รู้จักกันในชื่อภูเขาทอง เป็นวัดเก่าแก่ของเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แม้ปัจจุบันจะกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของกรุงเทพฯ แต่เมื่อย้อนไปในสมัยตอนต้นรัตนโกสินทร์ วัดแห่งนี้กลับมีบรรยกาศน่าขนลุก เพราะเต็มไปด้วยฝูงแร้งบินวนอยู่รอบ ๆ วัด ที่สร้างสะพรึงให้กับชาวบ้านระแวกนั้นอยู่หลายชั่วอายุคน


ย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 4 มีการระบาดของกาฬโรค อหิวาตกโรค และโรคฝีดาษ ที่คนในยุคนั้นเรียกรวม ๆ กันว่า “โรคห่า” ซึ่งระบาดอย่างหนัก มีคนตายเป็นจำนวนมาก และจะวนเวียนมาในทุก ๆ ฤดูแล้ง เพราะผู้คนในสมัยนั้นยังไม่รู้สาเหตุ และวิธีการรักษา ถึงขนาดที่ว่าในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือรัชกาลที่ 2 มีการทรงใช้วิธีปลอบขวัญชาวเมือง โดยการโปรดฯ ให้จัดพิธีอาพาธพินาศ ที่เหมือนเป็นการทำบุญให้กับเมือง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนตายเพราะอหิวาตกโรคกว่า 3 หมื่นคน จนมีศพกองรวมกันเป็นภูเขา อยู่ตามวัดต่าง ๆ นอกเมือง เพราะเผากันไม่ทัน


ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงบัญชาให้วัดสระเกศ วัดบางลำพู และวัดตีนเลน เป็นสถานที่สำหรับเผาศพ ซึ่งวัดสระเกศ ก็เป็นวัดที่มีจำนวนศพกองรวมกันมากกว่าวัดไหน ๆ เพราะเป็นจุดที่อยู่ใกล้ประตูเมือง ใกล้กับเขตพระนครมากที่สุด เนื่องจากในสมัยนั้นไม่อนุญาตให้มีการเผาศพในเมือง สังเกตุได้จากการที่วัดในเขตพระนครจะไม่มีเมรุ ทำให้ที่วัดสระเกศมีศพที่นำมาเผาสูงสุดถึงวันละ696ศพ ซึ่งมากเกินกว่าที่จะเผาหมดได้ ศพที่เผาไม่ทันจึงถูกกองสุมกันอยู่ตามลานวัด จึงได้กลายเป็นแหล่งอาหารของฝูงแร้งท้องถิ่น ที่เปลี่ยนจากการรอกินซากสัตว์ มากินซากของมนุษย์แทน


บางครอบครัวก็อนุญาตให้มีการแล่ เฉือนศพให้แร้งกิน เพื่อเป็นการทำทานแก่สัตว์ ก่อนจะนำกระดูกไปเผา จนนับวันเข้าก็ยิ่งมีฝูงแร้งก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อาศัยกันอยู่ตามต้นไม้ บนกำแพงวัด หรือบนหลังคากุฏิเต็มไปหมด แม้จะมีเจ้าหน้าที่จะถือไม้คอยไล่ แต่ด้วยความที่เป็นนกขนาดใหญ่ ไม่กลัวผู้คน และมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง จึงไม่อาจกั้นพวกมันที่จ้องเข้ามารุมทึ้งซากศพอย่างหิวกระหายได้ เหตุการณ์นี้เองจึงเป็นที่มาของคำว่า "แร้งวัดสระเกศ" แต่เมื่อวิทยาการสมัยใหม่เข้ามาถึง ระบบสาธารณสุขที่พัฒนาขึ้น ทำให้ผู้คนตระหนักรู้ว่าโรคระบาดต่าง ๆ เกิดมาจากอะไร และเมื่อจำนวนศพที่น้อยลง อาหารของแร้งก็ลดลงเช่นกัน ฝูงแร้งที่วัดสระเกศจึงพากันอพยพไปที่อื่น และไม่สามารถพบเห็นได้อีกในปัจจุบัน


“เปรต” หรือผีเปรต เป็นผีในความเชื่อของพุทธศาสนาไทย ที่สอนให้คนเกรงกลัวต่อบาป หากทำชั่วเมื่อตายไปก็จะไปเกิดเป็นเปรตที่มีรูปร่างสูงผอม ปรากฏตัวตอนกลางคืน หิวโหยอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถกินอะไรได้เพราะปากเท่ารูเข็ม อันเป็นผลมาจากการดุด่าพ่อด่าแม่ มีมือใหญ่เท่าใบลานเพราะชอบทุบตีบุพการี ซึ่งตำนานเปรตวัดสุทัศน์นั้น ก็มีที่มาที่ไม่ค่อยชัดเจนเหมือนเรื่องราวของแร้งวัดสระเกศ บ้างก็ว่าเป็นคำเปรียบเปรยเหล่าคนจรจัดบริเวณรอบวัดในเวลานั้น ที่ชอบมาขออาหารขอส่วนบุญอยู่เสมอ


หรือบางก็ว่าเป็นเงาจากเสาชิงช้า ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และในยามค่ำคืนที่มืดสนิท ไม่ได้มีแสงไฟข้างทางเหมือนปัจจุบัน ผู้คนจึงคิดว่าเงาของเสาชิงช้าที่เห็นเป็นขาของผีเปรต โดยสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านคิดแบบนั้น ก็เพราะสมัยก่อนมีพิธีตรียัมพวาย หรือการโล้ชิงช้า ที่ถือเป็นพิธีขึ้นปีใหม่ของของศาสนาพราหมณ์ แต่ด้วยความสูงของเสาชิงช้า ทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งและบางครั้งก็มีผู้เสียชีวิต แต่อีกหลักฐานที่ดูจะเป็นจริงมากที่สุด ก็คือภาพวาดบนฝาผนังโบสวัด ที่เป็นรูปเปรตนอนอยู่ที่พื้น และมีพระสงฆ์ยืนรดน้ำให้ ซึ่งเป็นภาพวาดที่โด่งดังมากในอดีต ใครที่มาวัดสุทัศน์ก็ต้องมาดูภาพวาดนี้


ในปี พ.ศ.2546 มีการสร้างละครเรื่อง “เปรตวัดสุทัศน์” ออกมา ที่นำแสดงโดย เอกรัตน์ สารสุข และ นุ่น วรนุช ออกฉายทางช่อง7และได้รับความนิยมมากจนตำนานเปรตวัดสุทัศน์กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง และในปี พ.ศ.2567 นี้ พระนครฟิลม์เจ้าของหนังอย่าง ม.6/5 ปากหมาท้าผี และ หลวงพี่เท่ง ก็ได้เปิดตัวหนังเรื่อง “แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์” ที่เดิมทีตั้งใจให้เป็นหนังภาคต่อของหลวงพี่กะอีปอบ ที่ออกฉายในปี พ.ศ.2563เพราะช่วงท้ายเรื่อง ก็มีการปรากฏตัวของผีเปรต แต่หลังการจากไปอย่างน่าเศร้าของ2นักแสดงนำ โรเบิร์ต สายควัน และ ค่อม ชวนชื่น แผนการสร้างหนังภาคต่อจึงเปลี่ยนเป็นการต่อยอดไอเดีย นำมาทำเป็นจักรวาลหนังสยองขวัญไทย ที่จะมีความจริงจังไม่ติดตลก และกลับมาสู่แนวทางหนังสยองขวัญเต็มตัว เหมือนที่ค่ายเคยทำในอตีด ทั้ง เปิงมาง กลองผี,ชุมทางรถไฟผี ,เชือดก่อนชิม และตายโหง แต่ตัวหนังจริงจะออกมาเป็นอย่างไร คงต้องรอติดตามกันเร็ว ๆ นี้