MENU

"ไทยออยล์" กำไร Q1/67 พุ่งเฉียด 100% อานิสงส์สเปรดเบนซิน-อะโรเมติกส์ดี

 10 พ.ค. 2567 00:00

บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เผยไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 5,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% จากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินดีขึ้นหลังน้ำมันตึงตัว โรงกลั่นในภูมิภาคปิดซ่อมบำรุงและธุรกิจอะโรเมติกส์ดีขึ้น ลุ้นไตรมาส 2/67 มาร์จินโรงกลั่นส่อแววลดลง


นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2567 ว่า กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 5,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น99.15% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,554 ล้านบาท และเติบโตดีขึ้น 28.74% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,944 ล้านบาท


ทั้งนี้ มาจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในประเทศสหรัฐฯ ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเบนซินเพื่อส่งออกตึงตัว รวมถึงส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ใช้กลั่นจริงเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ (Crude Premium) ปรับตัวลดลง หลังจีนและอินเดียลดการซื้อน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง ขณะที่อุปทานจากตะวันออกกลางปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาค


ส่วนธุรกิจผลิตสารอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


สำหรับกำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดในไตรมาส 1/2567 ปรับตัวลดลงจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนตัวลง ประกอบกับแรงกดดันจากอุปทานในตลาด เช่นเดียวกันกับกำไรจากธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและยางมะตอยที่ปรับตัวลดลงจากส่วนต่างราคายางมะตอยเทียบกับราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัวลง หลังตลาดถูกกดดันจากความต้องการใช้ยางมะตอยในภูมิภาคที่อ่อนตัวลง


"ภาพรวมกลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มฯ รวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามันอยู่ที่ 10.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/2567 เพิ่มขึ้น 6.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากไตรมาส 4/2566"


ส่วนภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 2/2567 นายบัณฑิต กล่าวว่า มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 หลังได้รับแรงกดดันจากโรงกลั่นใหม่หลายแห่งที่เริ่มเปิดดำเนินการ ทำให้อุปทานปรับเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงกลั่นยังได้รับแรงหนุนจากโรงกลั่นรัสเซียที่ยังคงอยู่ในระหว่างการปิดปรับปรุงจากการถูกโจมตี ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มตึงตัว ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ ท่ามกลางปริมาณสต๊อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง


สำหรับภาพรวมของธุรกิจโรงกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสู่สมดุล โดยคาดว่าจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19


"ไทยออยล์จะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดและขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์ตลาดที่ผันผวน รวมถึงแสวงหาโอกาสสร้างรายได้เพื่อผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง" นายบัณฑิต กล่าว