“บลูเบลล์” จัดทัพกูรูส่องเทรนด์เศรษฐกิจ-การลงทุนครึ่งปีหลัง
24 ก.ค. 2567 00:00บล.บลูเบลล์ จัดงานสัมมนาเอ็กซ์คลูซีฟ “Make it Great: The Vision Mid-Year 2024 Economic Outlook” จัดทัพผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เปิดมุมมองเศรษฐกิจ-แนวโน้มการลงทุนครึ่งปีหลัง ครอบคลุมตลาดหุ้นทั่วโลก-เอเชีย และตลาดหุ้นไทย กระแส AI ยังมาแรง ช่วยกระตุ้นตลาดหุ้น
นางสาวนริสรา ชัยวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด หรือ บลูเบลล์ เปิดเผยในสัมมนาเอ็กซ์คลูซีฟ “Make it Great: The Vision Mid-Year 2024 Economic Outlook”สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth: HNW) ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra High Net Worth: UHNW)ที่ปรึกษาการลงทุน ที่ปรึกษาการลงทุนอิสระ และพันธมิตรทางธุรกิจว่า รู้สึกยินดีและขอขอบคุณนักลงทุนทุกราย พันธมิตรการขาย และบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ที่ให้ความมั่นใจและไว้วางใจ ด้วยความเชื่อมั่นนี้เองจึงทำให้บริษัทหลักทรัพย์บลูเบลล์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
โอกาสนี้เรายังได้มีการพัฒนาโลโก้ของบลูเบลล์ขึ้นใหม่ เพื่อสะท้อนถึงแนวคิด Make It Great สื่อถึงความมุ่งมั่น แข็งแกร่ง มีไหวพริบปฏิภาณ ซื่อตรง และความอ่อนน้อมถ่อมตนของบลูเบลล์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น“เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์บลูเบลล์ให้เติบโตต่อไปอย่างมั่นคง Make It Great แนวความคิดที่จะมุ่งสร้างประสบการณ์การลงทุนที่ดีที่สุดให้กับทุกท่าน Make It Great คือการใช้ประสบการณ์ องค์ความรู้ การวิเคราะห์ ความทุ่มเทใส่ใจในรายละเอียดและเคียงข้างอย่างจริงใจ และแนวความคิด Make It Great จะเป็นการท้าทาย เป็นพลังที่จะผลักดันองค์กร บุคลากรทุกคนของเราให้สร้างผลลัพธ์อันเป็นเลิศ เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์บลูเบลล์อยู่ในใจนักลงทุนตลอดไป
*** เข้าใจหลักการความเสี่ยงที่มาคู่กับผลตอบแทน
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าว ในยามที่ตลาดการเงินมีความผันผวนมากมาย หลักการจัดทัพลงทุนโดยมุ่งวัตถุประสงค์ยิ่งมีความสำคัญเป็นพิเศษ และสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้นั้น หัวใจสำคัญของกลยุทธ์การลงทุนการเข้าใจความเสี่ยงหลักสามประเภท ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (interest rate risk)ความเสี่ยงด้านเครดิต (credit risk)กับความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (liquidity risk)
ในครึ่งปีหลังนี้ ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยน่าจะน้อยเพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐชี้ไปในทางที่มีโอกาสจะลดลงได้สักสองครั้ง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยก็น่าจะทรงตัวหรืออาจลดลงได้สักหนึ่งครั้ง ทำให้ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยไม่น่าเป็นห่วง
ส่วนความเสี่ยงด้านเครดิตและสภาพคล่องนั้น ควรมีการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือและความสามารถในการชำระหนี้ประกอบการตัดสินใจลงทุนเสมอ ซึ่งสามารถดูได้จากข้อมูลผู้ออกและอุตสาหกรรมในเว็บไซต์ของThaiBMAโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับระยะเวลาการถือครองให้ดีด้วย
“สิ่งสำคัญคือความเข้าใจหลักการของความเสี่ยงที่มาคู่กับผลตอบแทน การระวังไม่ลงทุนในตราสารบางตัวหรือผู้ออกบางรายในสัดส่วนที่มากเกินไป ก็จะทำให้ท่านมีทัพลงทุนที่มีผลตอบแทนที่ดีตามศักยภาพความเสี่ยงที่ท่านรับได้” นายสมจินต์ กล่าว
***ตลาดสหรัฐฯ: หุ้น BigTech มีโอกาสปรับตัวขึ้นสูง
นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ CFA ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ว่า ปัจจัย Macroยังสนับสนุนให้ตลาดไปต่อในครึ่งปีหลัง GDP ของสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ 3.2% ในปีนี้ แม้ตลาดแรงงานจะเริ่มชะลอตัว แต่โอกาสเกิด Recessionอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่เงินเฟ้อลดลงอย่างมีนัยยสำคัญทำให้ FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน ก.ย. นี้
“ตลาดหุ้นในปีนี้จะปรับตัวขึ้นมามาก โดยเฉพาะ S&P Index แต่เป็นการขึ้นแบบกระจุกตัวในหุ้น BigTechเ ท่านั้น ขณะที่กลุ่มอื่นๆ ยังปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก ซึ่งในครึ่งปีหลังคาดว่ากลุ่มเหล่านี้จะปรับตัวขึ้นได้ โดยมีแรงสนับสนุนจาก Earningที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง”
ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรี กองทุนแนะนำกองทุนที่น่าสนใจและมีอนาคต ได้แก่ KF-SINCOME,KF-CSINCOM, KFSINCFX KFGLOBAL, KFGLOBFX
*** ตลาดหุ้นเอเชีย เกาหลีใต้และอินเดียยังน่าสนใจ
นายปิยะภัทร์ ภัทรภูวดล Director,ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวถึงมุมมองการลงทุนในตลาดภูมิเอเชีย ว่า ตลาดหุ้นเเกาหลีใต้ ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ แม้นักลงทุนไม่ค่อยได้ให้ความสนมากนัก โดยตลาดหุ้นเกาหลี จะได้ประโยชน์จากกระแส AI เพราะมีบริษัทชั้นนำ ทั้งในอุตสาหกรรม Mobile Device และ Memory Chip
นอกจากนี้ เกาหลีใต้เป็นตลาดหุ้นที่มีValuationน่าสนใจ เมื่อพิจารณาจาก Forward P/E ขณะที่การปฏิรูปตลาดทุนหรือ Value-up Program คาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนตลาดหุ้นในระยะยาว บลจ.ไทยพาณิชย์ กองทุนแนะนำ SCBKEQTG
นอกจากเกาหลีใต้แล้ว ตลาดหุ้นที่น่าสนใจคือ ตลาดหุ้นอินเดีย ที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง โครงสร้างประชากรที่เอื้อต่อการขยายตัวของการบริโภคและภาคแรงงานในระยะยาว ส่วนปัจจัยการเมือง คาดว่า จะมีความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐ หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปแล้ว บลจ.ไทยพาณิชย์ กองทุนแนะนำ SCBINDIA
*** บลจ.กรุงไทย จัดธีมลงทุนหุ้นเทคฯ โลก
สมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองตลาดหุ้นไทย ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ว่า บลจ. กรุงไทย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวที่ระดับ 3.0% ดีขึ้นจากในปี 2566 ที่ขยายตัวได้ 1.9% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นที่ระดับ 0.7%
โดยปัจจัยหลักมาจากการเร่งการเบิกจ่ายของภาครัฐจากการอนุมัติงบประมาณฯ ปี 2567 ที่ล่าช้า การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี การส่งออกมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี แต่ภาคอุตสาหกรรมยังคงเผชิญความท้าทายจากการเสียความสามารถในการแข่งขันในบางสาขา รวมถึงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงของปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่น่าจะสูงขึ้น
บลจ.กรุงไทย คาดการณ์ตลาดตราสารทุนไทยมีเป้าหมาย SET อยู่ที่ระดับ1,450 จุด ณ สิ้นปี 2567 แม้ว่าในระยะสั้นยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ โดยอาจผันผวนจากปัจจัยการเมืองและปัจจัยภายนอก บลจ. กรุงไทย กองทุนแนะนำ KT-HiDiv
สำหรับธีมการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีระยะยาว เน้นเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในรูปแบบใหม่ๆ จากทั้งในระดับโลกแลระดับภูมิภาค ทั้งนี้ ธีมการลงทุนไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะในส่วนของปัญญาประดิษฐ์ แต่ยังให้ความสนใจกับธีม 5G, Cloud & infrastructure, Next generation transport และ Digitalization รวมไปถึง Technology buildout ของจีนด้วย ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดดเด่นและพิสูจน์ได้ถึงวิธีการดำเนินงานที่ได้รับการทดสอบตามการเวลา (Time-tested approach) บลจ. กรุงไทย กองทุนแนะนำ KT-Technology