นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ ที่คาดการณ์จะได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ซ้ำเติมมาตรการสงครามทางการค้าสหรัฐฯ ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก 17.36 จุด ปิดที่ 1,158.09 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 4.2 หมื่นล้านบาท

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้ (31 มี.ค.) นักลงทุนยังคงตื่นตระหนกกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียน และภาพรวมเศรษฐกิจ ทำให้มีแรงเทขายออกมาในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นแตะระดับต่ำสุด 1,155.05 จุด สูงสุดที่ 1,169.09 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,158.09 จุด ลดลง 17.36 จุด หรือ 1.48% มูลค่าการซื้อขายรวม 40,260.73 ล้านบาท

โดยนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,487.41 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 1,436.73 ล้านบาท บริษัทบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,275.85 ล้านบาท และนักทุนรายย่อยในประเทศ ซื้อสุทธิ 4,199.99 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ราคาปิด 161.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือคิดเป็น 1.52% มูลค่าการซื้อขาย 2,086.09 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ ปิดที่ 123.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 1.99% มูลค่าการซื้อขาย 1,707.74 ล้านบาท และบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ปิดที่ 65.75 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ 4.71% มูลค่าการซื้อขาย 1,533.57 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยทิศทางปรับลงจากปัจจัยต่างประเทศที่กังวลสงครามการค้าที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมประกาศมาตรรภาษีตอบโต้ในวันที่ 2 เม.ย. และเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มี.ค. สหรัฐรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) เร่งตัวขึ้น ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะลดการปรับลดดอกเบี้ยลงหรือลดข้าลงในปีนี้ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นยังเผชิญแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดจะได้รับผลกระทบหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

สำหรับแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้ คาดตลาดหุ้นซึมตัวลง จากผลกระทบเหตุการณ์แผ่นดินไหว รวมถึงมาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯ ที่กำลังใกล้เข้ามายังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น โดยให้แนวรับแรกที่ 1,155 จุด ถัดไป 1,150 จุด แนวต้านให้ไว้ 1,165 และ 1,170 จุด