
TURBO ลุยขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อปี 68 ทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท
18 ก.ย. 2568 00:00บมจ.เงินเทอร์โบ ขายไอพีโอ 537 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.50 บาท เปิดจอง 19 - 23 ก.ย.นี้ ก่อนเข้าซื้อขายปลายเดือน ผู้บริหารมั่นใจเทรดวันแรกราคาเหนือจอง พร้อมลุยขยายสาขาเพิ่มต่อเนื่องตั้งเป้า 5,000 สาขา ภายใน 5 ปี ขณะที่พอร์ตสินเชื่อปีนี้แตะ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 537 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 447.78 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 16.8% และการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดยบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด จำนวนไม่เกิน 89.22 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 3.3%
“หลังจากเข้าเทรดในตลาด ยืนยันว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่ขายหุ้นออกระยะเวลา 1 ปี และบริษัท กสิกร วิชั่น ระยะเวลา 6 เดือน เพื่อให้นักลงทุนสบายใจ เราไม่อยากจะแบ่งหุ้นให้ใครเพราะเรารักบริษัทของเราที่สร้างมา และผมมั่นใจว่าจากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องหุ้น TURBO เทรดวันแรกต้องเหนือจอง” นายสุธัช กล่าว
สำหรับ TURBO ดำเนินธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ หรือสามารถเข้าถึงแต่ได้รับบริการที่ไม่ครบถ้วน ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจคือธุรกิจสินเชื่อ ประกอบด้วย สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อโฉนดที่ดิน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งประกอบด้วยประกันวินาศภัยและประกันชีวิต ภายใต้จุดแข็ง การบริการที่สะดวกรวดเร็ว เข้าใจลูกค้า และใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนองค์กรในทุกขั้นตอน ทำให้ควบคุมความเสี่ยงได้ดี มีต้นทุนการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำได้ในระยะยาว
“TURBO ยังคงกลยุทธ์ในการมีทีมเทคโนโลยีเป็นของตนเอง ทำให้สร้างระบบเทคโนโลยีที่มีความเฉพาะและยืดหยุ่นได้อย่างรวดเร็ว และนำ AI มาปรับใช้ในทุกๆ กระบวนการทำงาน เพิ่มความสะดวกสบาย ผ่านการขยายสาขาให้ครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศ เราต้องการมี 1 หมื่นสาขา แต่ระยะเวลา 5 ปีนี้จะขยายให้ได้ 5 พันสาขา” นายสุธัช กล่าวและว่า ด้วยเป้าหมายการเร่งเพิ่มสาขาอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจค่าใช้จ่ายการดำเนินการดังกล่าวต่อสาขาจะลดลง ประกอบกับการที่มีระบบเทคโนโลยีที่เหมาะสมและวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังมีศักยภาพเติบโตสูงจากการเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีอายุสาขาเฉลี่ยเพียง 4.1 ปี ซึ่งมีสัดส่วนสาขาที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปีถึง 65.6% ของจำนวนสาขาทั้งหมด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568
ด้านผลการดำเนินงานสิ้นไตรมาส 2 มีสาขาทั้งสิ้น 996 แห่ง กระจายใน 54 จังหวัดทั่วประเทศ พอร์ตสินเชื่อเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 3,282.0 ล้านบาท สิ้นปี 2563 เป็น 11,262.9 ล้านบาท ณ สิ้น 30 มิถุนายน 2568 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 31.5% แบ่งสัดส่วนสินเชื่อจำนำรถ 70% สินเชื่อนาโน 20% และสินเชื่อที่ดิน 10% และคาดว่าสินเชื่อรวมแตะ 1.2 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปีนี้
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า TURBO ระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจให้บริการทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ หุ้นไอพีโอTURBO จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 19 – 23 กันยายน 2568 และคาดว่าจะสามารถนำหุ้น TURBO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ มองว่าราคาเสนอขาย IPO ดังกล่าวมีความเหมาะสม สะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตและพร้อมจะก้าวสู่ผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยชั้นนำของประเทศ
นายคมกฤต รักษากุลเกียรติ หัวหน้าวาณิชธนกิจ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า TURBO เป็นหุ้นที่มีจุดเด่นต่างจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยมีความสามารถสร้างรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และยังมีโอกาสเติบโตจากภาพรวมอุตสาหกรรมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคาร ซึ่งมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 22.4% นับจากปี 2565 ถึงไตรมาส 1 ปี 2568 รวมถึงธุรกิจบริการผ่อนชำระเบี้ยประกันในธุรกิจนายหน้าประกันภัยและนายหน้าประกันชีวิตของกลุ่มบริษัทฯ ที่เติบโตเฉลี่ย 54.3% ต่อปีนับจากปี 2563 ถึงปี 2567 ตลอดจนการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่าย และยังเป็นผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มีความพร้อม โดยนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำงานตั้งแต่การปล่อยสินเชื่อ การติดตามทวงถามหนี้ การบริหารความเสี่ยงที่มีการติดตามผลข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเพื่อปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที และขับเคลื่อนองค์กรด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านการเงินและเทคโนโลยี