
ก.ล.ต. สั่งเอ็กเชนจ์คุมเข้มบัญชีม้าคริปโต อายัดแล้ว 3 หมื่นบัญชี มูลค่ารวม 229 ล้านบาท
18 ก.ย. 2568 00:00ก.ล.ต. เผยผลงานบังคับใช้กฎหมายอาญา-แพ่ง รวม 28 ดคี พร้อมสั่งอายัดบัญชีม้าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วกว่า 31,216 บัญชี มูลค่ารวม 229 ล้านบาท ขณะที่ "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" รับคำร้อยกว่า 6,354 ครั้ง ประสานหน่วยงานรัฐปิดกั้น 3,036 บัญชี
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย ว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม - 15 กันยายน 2568 ได้ดำเนินงานด้านการบังคับใช้กฎหมายในคดีอาญา รวม 12 คดี ผู้กระทำผิด 47 ราย ส่วนใหญ่เป็นคดีสร้างราคาหุ้น 4 คดี ผู้กระทำผิด 14 ราย
ด้านมาตรการลงโทษทางแพ่ง ดำเนินการไปแล้ว 16 คดี ผู้กระทำผิด 63 ราย ส่วนใหญ่เป็นการกระทำผิดการสร้างราคาหลักทรัพย์/สินทรัพย์ดิจิทัล 9 คดี ผู้กระทำผิด 42 ราย โดยมีผู้กระทำผิดได้ตกลงทำบันทึกการยินยอปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง 27 ราย จาก 11 คดี ค่าปรับรวม 113.40 ล้านบาท และให้ชดใช้ผลประโยชน์คืนกว่า 62 ล้านบาท
นายเอนก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตำรวจไซเบอร์ คุมเข้มการดูแลแก๊งมิจฉาชีพ แก๊งหลอกลวงไซเบอร์ ในการเปิดบัญชีม้ากับธนาคาร จากนั้นรีบนำเงินบาทมาแปลง ด้วยการซื้อคริบโตเคอร์เร็นซี่ นับว่าเป็นการดำเนินการอย่างรวดเร็วมาก เพื่อนำเงินออกไปต่างประเทศ หลายหน่วยงานจึงต้องร่วมมือกับแชร์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว
ก.ล.ต. จึงขอให้ศูนย์ซื้อขายคริบโตฯ ดูแลบัญชีเป้าหมาย ตามที่ตำรวจไซเบอร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งมาให้ ที่ผ่านมาได้อายัดธุรกรรมการใช้คริบโต ของกลุ่มบัญชีม้าสีเทา สีดำ ในปี 68 ได้ 31,216 บัญชี มูลค่าคริบโต 229 ล้านบาท โดยเป็นการอายัดทั้งบัญชีคริบโตฯ ดังนั้นหากจะช่วยกันควบคุมได้ทันการณ์ไม่ให้การแปลงคริบโตจากเงินบาท ของบัญชีดำ บัญชีเทา ต้องประสานส่งข้อมูลร่วมกันอย่างรวดเร็ว
สำหรับ "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" ในปี 68 (1 ม.ค. - 15 ก.ย. 68) ได้รับการแจ้งหลอกลวงลงทุน 6,354 ครั้ง ผ่านสายด่วน 1207 กด 22 การเดินทางมายังสำนักงาน ก.ล.ต. และทางไปรษณีย์ ได้ประสานผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม และหน่วยงานรัฐปิดกั้น 3,036 บัญชี โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มทำการปิดกั้นภายในเวลา 7 นาที - 48 ชั่วโมง
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวศูนย์ซื้อขายคริบโตฯ ศูนย์ซื้อขาย Bitkub ถูกแฮก เบื้องต้นเมื่อ ก.ล.ต. เข้าทำการตรวจสอบ ลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบ และกำชับให้เอกชนต้องดูแลทำให้ลูกค้ามั่นใจ ขณะนี้กำลังตรวจสอบเพิ่มเติม การรายงานด้านต่างๆ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ถูกต้องตามเกณ์หรือไม่ เพราะหากไม่รายงานอย่างถูกต้อง อาจมีความผิด จึงยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมโดยเร็วที่สุด
ด้านความคืบหน้ากรณีที่กระทรวงการคลังเปิดตัวโครงการ Tourist Digi Pay ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. สำนักงาน ปปง. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองอยู่เปลี่ยนมาเป็นเงินบาท เพื่อใช้ซื้อค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าต่างๆ ในประเทศ สะดวกและปลอดภัย โดยมีร้านค้าขนาดใหญ่ ซี่งได้ลงทะเบียนยืนยันตัวตน กำหนดให้รับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 แสนบาท/เดือน ส่วนร้านค้าขนาดเล็กทั่วไป รับเงินจากการซื้อสินค้า 50,000 บาท/เดือน
โครงการ TouristDigiPay เป็นโครงการนำร่อง (Sandbox) เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัล (เช่น คริปโตเคอร์เรนซี) แปลงเป็นเงินบาท และนำไปใช้จ่ายในประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชัน e-Money สำนักงาน ก.ล.ต. กำกับดูแล (ในส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัล) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ในส่วนของ e-Money) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ. คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2568 เมื่อเป็นโครงการที่ดีส่งเสริมการท่องเที่ยวคาดว่ารัฐบาลใหม่จะสานต่อโครงการเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ