
แบงก์พาณิชย์ โกยกำไร 9 เดือนทะลุ 2 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 6.74% สวนทางรายได้ดอกเบี้ยชะลอตัว
22 ต.ค. 2568 00:00ธนาคารพาณิชย์ไทย โชว์ผลงานงวดไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 73,706 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12.20% ขณะที่งวด 9 เดือนกำไรสุทธิรวมกว่า 208,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.74% โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ทั้งค่าธรรมเนียมธุรกิจการบริการความมั่งคั่ง ประกัน รวมถึงรายได้จากการลงทุน สวนทางธุรกิจหลักรายได้จากดอกเบี้ยชะลอตัว
กลุ่มธนาคารพาณิชย์จำนวน 11 แห่ง ได้ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), ธนาคารกรุงไทย (KTB), บริษัทเอสซีบีเอกซ์ (SCB), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY), ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB), กลุ่มทิสโก้ไฟแนนซ์เชียล (TISCO), กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP), ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT), กลุ่มแอลเอชเอฟซีไฟแนนซ์เชียล (LHFG) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย(CIMBT)
โดยผลงานไตรมาส 3/68 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ มีกำไรสุทธิรวม 73,706 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 65,694 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 12.20% ขณะที่งวด 9 เดือน แรกของปี 2568 กำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 208,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 195,070 ล้านบาท
หากพิจารณาผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2568 ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นธนาคารพาณิชย์ 3 แห่งที่มีกำไรสุทธิปรับตัวลดลง ได้แก่ ธนาคารทหารไทยธนชาต(TTB), กลุ่มทิสโก้ไฟแนนซ์เชียล(TISCO) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย(CIMBT) ที่กำไรสุทธิลดลง 3.98%, 3.50% และ 3.17% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์โดยส่วนใหญ่ยังคงได้รับแรงหนุนจากส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อาทิ ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง, ธุรกิจประกัน หรือรายได้จากการลงทุน เป็นต้น ขณะที่รายได้จากธุรกิจหลักอันได้แก่รายได้จากดอกเบี้ยนั้นยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากสินเชื่อที่ลดลงตามเศรษฐกิจ และการดำเนินการอย่างระมัดระวังของธนาคาร เพื่อควบคุมคุณภาพหนี้ รวมถึงการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางในโครงการต่างๆ และทิศทางดอกเบี้ยขาลง
สำหรับในระยะถัดไป การดำเนินธุรกิจโดยรวมยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวังเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังโตต่ำต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า รวมถึงความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น พร้อมพยายามควบคุมต้นทุนด้านต่างๆเพื่อรักษาผลการดำเนินงานในช่วงที่รายได้หลักยังไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ รวมถึงยังคงต้องดูแลลูกค้ากลุ่มเปราะบาง-กลุ่มปกติต่อเนื่องเพื่อไม่ให้กระทบด้านคุณภาพหนี้ในอนาคต