MENU

“ผยง ศรีวณิช” คว้า “นักการเงินแห่งปี 2568 Financier of the Year 2025”

 11 ธ.ค. 2568 00:00

วารสารการเงินธนาคาร ประกาศรางวัล “นักการเงินแห่งปี 2568 Financier of the Year 2025” ให้กับ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยคุณสมบัติของการเป็นนักการเงินแห่งปีครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การพิจารณาทั้ง 4 ด้าน เป็นนักการเงินมืออาชีพที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ สร้างความเติบโตยั่งยืนให้กับองค์กร รับผิดชอบต่อสังคมและทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม


โดยในปีนี้คณะกรรมการตัดสินรางวัล “นักการเงินแห่งปี” ลงมติเอกฉันท์ มอบรางวัลเกียรติยศ นักการเงินแห่งปี 2568 Financier of the Year 2025 ให้กับ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ด้วยผลงานที่โดดเด่นผ่านคุณสมบัติการเป็นนักการเงินแห่งปี ตามหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ด้านคือ 1. เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย 2. เป็นนักการเงินมืออาชีพที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ 3. เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตและยั่งยืนให้กับองค์กร 4. เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม


นายผยง ศรีวณิช เริ่มงานกับธนาคารกรุงไทย ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ก่อนจะเข้ามารับไม้ต่อในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ด้วยความเชื่อที่ว่า “ธนาคารกรุงไทย คือยักษ์หลับที่จะทำให้ตื่นได้”


โดยธนาคารกรุงไทยได้ผ่านการปรับตัวครั้งใหญ่ใน 3 ระยะสำคัญ ภายใต้แนวคิดในการสร้าง Galaxy of Krungthai เพื่อเปลี่ยนผ่านจากธนาคารแบบดั้งเดิม สู่การเป็นธนาคารที่ตอบโจทย์อนาคตอย่างแท้จริง เฟสแรก - การบริหารจัดการความเสี่ยง โดยเฉพาะพอร์ตสินเชื่อโรงสีข้าวที่เคยมีจำนวนมาก ได้มีการตัดหนี้สูญ (Write-Off) ไปกว่า 70,000 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถลดสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อกลุ่มนี้ลงเหลือเพียง ประมาณ 10%


เฟสที่สอง - Digital Transformation การวางยุทธศาสตร์เข้าสู่ระบบ Open Finance เปิดแพลตฟอร์มทางการเงินที่เชื่อมโยงกับบริการภาครัฐ ธุรกิจ และประชาชน ผ่าน Krungthai NEXT และ “เป๋าตัง” และ เฟสที่สาม - การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ หรือ Future Business โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ ทำธุรกิจ Virtual Bank ขยายบทบาทธนาคารดิจิทัล


ทั้งนี้ จากแนวคิด “Do Well = Do Good” นายผยง มีเป้าหมายสร้างมูลค่าทางธุรกิจ และประโยชน์ต่อสังคมควบคู่กัน สะท้อนจากสิ่งที่ธนาคารกรุงไทยดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงโควิด ไม่เพียงแค่ช่วยรับมือวิกฤต แต่ยังต่อยอดจนสามารถสร้างมูลค่าและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ให้กับองค์กรได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ ธนาคารได้ปรับอัตราการจ่ายปันผลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ของกำไรสุทธิ และในปี 2568 ธนาคารยังมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.43 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ให้อยู่ในระดับ Double Digit หรือ 10% ขึ้นไป โดยในปี 2567 ROE อยู่ที่ 10.37% เพิ่มขึ้นจาก 9.40% ของปีก่อนหน้า


สำหรับบทบาทต่อสังคม ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นในการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน และการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งธนาคารกรุงไทยในฐานะผู้ดำเนินการและผู้พัฒนาเทคโนโลยีหลักที่เชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ประชาชน และร้านค้าให้เป็นหนึ่งเดียว ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” สำหรับประชาชน และแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” สำหรับร้านค้า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและประชาชนผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงระบบการเงินดิจิทัล โดยธนาคารลงพื้นที่จริงเพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง


นอกจากนี้ ธนาคารยังตระหนักถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูงที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จึงได้จัดทำโครงการสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือข้าราชการกลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูง โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นที่จะช่วยเหลือข้าราชการได้ 50,000 คน รวมวงเงิน 50,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ดำเนินการมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้แก่ลูกค้าได้มากกว่า 300,000 บัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 200,000 ล้านบาท


นอกเหนือจากภารกิจในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยแล้ว นายผยง ยังมีบทบาทในการเป็นประธานสมาคมธนาคารไทย ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ซึ่งล่าสุดได้ยกระดับบทบาทของสมาคมธนาคารไทยจากภาคบริการธนาคารสู่การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ โดยเสนอแนวทางขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต ผ่านความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน ภายใต้แพลตฟอร์ม “Reinvent Thailand” ที่เน้นการมีส่วนร่วม ออกแบบและขับเคลื่อนนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง ใช้ข้อมูล (Data-Driven) และผลลัพธ์เป็นตัววัด (Result-Oriented) เพื่อพลิกฟื้นศักยภาพการแข่งขันและใช้เป็น “เข็มทิศ” ให้กับทุกรัฐบาล


ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความเป็นนักการเงินมืออาชีพของนายผยงที่วาง “รากฐาน” หรือ Foundation ให้กับ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ที่ไม่เพียงให้บริการทางการเงิน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง รวมถึงการยกระดับบทบาทของสมาคมธนาคารไทย สู่การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน