MENU

ไทยออยล์ ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/68 อนุมัติโครงการบริหารทรัพย์สินเสริมแกร่งทางการเงิน

 12 ธ.ค. 2568 00:00

บมจ.ไทยออยล์ (TOP) จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 พิจารณาโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Monetization) เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่อง เสริมความยืดหยุ่นทางการเงิน และสนับสนุนการบริหารโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้มีเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น


บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 เพื่อพิจารณาโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Monetization) ซึ่งเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของบริษัท อาทิ ถังเก็บน้ำมันดิบ ทุ่นผูกเรือกลางทะเล (Single Buoy Mooring : SBM) สถานีจ่ายน้ำมันทางรถ และที่ดิน ณ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี


โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างไทยออยล์และบริษัท แทงค์ อินฟรา จำกัด (Tank Infra : บริษัทย่อยของ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด) ในการร่วมจัดตั้ง บริษัท ท็อป อินฟรา จำกัด (TOP Infra) โดยไทยออยล์ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ Tank Infra ถือหุ้น 49% โครงการประกอบด้วยธุรกรรมหลัก 2 ส่วน ได้แก่


1. ไทยออยล์ทำสัญญาให้เช่าทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานแก่ TOP Infra ระยะยาว 21 ปี และ


2. ไทยออยล์เช่าช่วงทรัพย์สินกลับมาใช้ในการดำเนินธุรกิจโรงกลั่นอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ โครงสร้างธุรกรรมทั้งหมดเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรายการที่เกี่ยวโยงกันและรายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนอย่างครบถ้วน การดำเนินโครงการจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง เสริมความยืดหยุ่นทางการเงิน และสนับสนุนการบริหารโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้มีเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น


ที่ประชุมมีมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ (3/4) ของจำนวนคะแนนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน (ไม่นับรวมผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย)


โครงการ Asset Monetization ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านการเงินที่มุ่งยกระดับความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในระยะยาว เพื่อรองรับการเติบโตและขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวทางที่ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไทยออยล์ในการ “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน”