
ANI ขายไอพีโอ 554 ล้านหุ้นราคา 5.25 บาท ระดมเงินคืนหนี้ค่าหุ้นค้างจ่าย-ใช้หมุนเวียนในกิจการ
30 พ.ย. 2566 00:00บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) ขายหุ้นไอพีโอ 554.73 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 5.25 บาท คาดระดิมเงินกว่า 2,200-2,900 ล้านบาท เปิดจอง 4-7 ธ.ค.นี้ หวังนำเงินใช้ชำระเงินเจ้าหนี้ค่าหุ้นค้างจ่ายจากการซื้อธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน ในสิงคโปร์และมาเลเซียในช่วงปลายปี 65 และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
นายทิพย์ ดาลาล
นายทิพย์ ดาลาล ประธานกรรมการบริหาร ร่วมด้วยนายโธมัส เทย์ เงียน ชอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI และนายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ร่วมลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายโดยไม่รับประกันการจัดจำหน่าย (Lead Underwriters)
พร้อมแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายโดยไม่รับประกันการจัดจำหน่าย หรือ (Co-Underwriters) อีก 5 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)
โดย ANI มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวมไม่เกิน 554,738,900 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้นละ 5.25 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 2,263,207,275 ถึง 2,912,379,225 บาท ในกรณีเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 25.0 ถึง 30.0 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ตามลำดับ พร้อมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นได้ระหว่างวันที่ 4, 6 และ 7 ธันวาคม 2566 นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในช่วงเดือนเดียวกัน ในหมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์
นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม
นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญของ ANI ที่ 5.25 บาท/หุ้น ถือว่ามีความเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของบริษัทฯ ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (GSA) ให้แก่สายการบินชั้นนำกว่า 20 สายการบินใน 8 ประเทศและเขตบริหารพิเศษ ประกอบด้วยไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน เวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา และเมียนมา ครอบคลุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้านการขนส่งทางอากาศของภูมิภาค และมีเส้นทางการบินไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 400 ปลายทางANI ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนของสายการบินชั้นนำมาอย่างยาวนานจากมาตรฐานและคุณภาพในการบริการของบริษัทฯ โดยมี 7 สายการบินเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ มากว่า 10 ปี
ขณะเดียวกันยังมีคณะผู้บริหารและบุคลากรมืออาชีพที่มีประสบการณ์และความรู้ในอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางอากาศมาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี พร้อมทั้งได้รับประโยชน์ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันจากบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือiii ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานขนส่งสินค้าเช่นเดียวกัน ทำให้ANI มีEcosystem ที่แข็งแกร่งและส่งเสริมการต่อยอดโอกาสการเติบโตในอนาคต
นายทิพย์ ดาลาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ANI ยังคงมุ่งวางแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่องสู่การเป็นผู้นำธุรกิจ GSA ในภูมิภาคเอเชีย โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของรายได้ในปี 2566 - 2568 ที่ประมาณ 30% จากการจัดหาสัญญาใหม่ปีละ 6 - 8 สัญญา (อ้างอิงจากสภาวะตลาด อัตราค่าระวาง และแนวโน้มอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2566) และดำเนินกลยุทธ์ในการมุ่งการรักษาฐานลูกค้าเดิม และเติบโตไปพร้อมกับสายการบินที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบันในเส้นทางใหม่ พร้อมขยายการให้บริการไปยังสายการบินรายใหม่หรือเส้นทางบินใหม่ๆ
โดยในระยะสั้นจะมุ่งขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมในกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตและความต้องการการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย และในระยะยาวจะขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมไปยังภูมิภาคอื่น เช่น ทวีปยุโรป และออสเตรเลีย เป็นต้น รวมไปถึงการขยายธุรกิจผ่านการเข้าซื้อกิจการ - ร่วมทุนกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจGSA หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในอนาคต"
สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนครั้งนี้ ANI จะนำเงินไปใช้ปรับโครงสร้างทางการเงินจากการซื้อธุรกิจ GSA ในสิงคโปร์และมาเลเซียในช่วงปลายปี 2565 ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต