MENU

ทีเอ็มบีธนชาต โชว์กำไร 9 เดือนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เดินหน้าคุมคุณภาพหนี้ - ช่วยเหลือลูกค้า

 21 ต.ค. 2568 00:00

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) เผยผลประกอบการไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ปี 2568 ธนาคารและบริษัทย่อย กำไรสุทธิ 5,299 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ทรงตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดรวม 9 เดือน กำไรสุทธิ 15,399 ล้านบาท ลดลง 4%


โดยสินเชื่อยังคงชะลอตัวที่ 0.7% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังขยายตัวได้ดีที่ 7.4% และอัตราส่วนหนี้เสียอยู่ที่ 2.81% ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย โดยยังคงเน้นย้ำการบริหารจัดการด้านต้นทุนเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรพร้อมช่วยเหลือลูกค้าผ่านโครงการต่างๆ


นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานและแนวโน้มกำไรในไตรมาส 3 และรอบ 9 เดือน ปี 2568 ในภาพรวมถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันด้านรายได้จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายขาลง รวมทั้งการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้า


โดยธนาคารยังคงมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนการดำเนินงาน รวมทั้งการจัดการต้นทุนความเสี่ยงหรือค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ อย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารสามารถรักษาแนวโน้มของผลการดำเนินงานควบคู่กับการมีกันชนป้องกันความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง


ทั้งนี้ จากกลยุทธ์การเติบโตสินเชื่อที่มีคุณภาพ การแก้หนี้เชิงรุก และการช่วยเหลือลูกค้าผ่านโครงการต่างๆ รวมทั้งโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อมีคุณภาพดีขึ้น ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางสามารถกลับมาชำระหนี้ได้และตกเป็นหนี้เสียน้อยลงเป็นผลให้หนี้เสียมีแนวโน้มทรงตัว โดยอยู่ที่ระดับ 39,000 ล้านบาท ในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่อัตราส่วนหนี้เสียอยู่ต่ำกว่า 2.9% มาโดยตลอดเป็นไปกรอบตามเป้าหมาย


ด้านการตั้งสำรองฯ เมื่อคำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทีทีบีจึงพิจารณาตั้งสำรองฯ พิเศษ หรือ Management Overlay เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจากระดับปกติ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ โดยรวมยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับภาวะปกติ สะท้อนได้จากต้นทุนความเสี่ยง (Credit Cost) รอบ 9 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 142 bps เทียบกับก่อนวิกฤตโควิด-19 ที่ 125 bps ในปี 2562 โดยผลจากการตั้งสำรองฯ ในระดับสูงหนุนให้อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ Coverage Ratio อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 151%


สำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในส่วนของโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ณ สิ้นไตรมาส 3 มีลูกค้าสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อ SMEs เข้าร่วมโครงการทั้งเฟส 1 และเฟส 2 แล้วกว่า 71,000 ราย หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อราว 40,000 ล้านบาท ส่วนโครงการ “รวบหนี้” มีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 62,450 ราย เพิ่มขึ้นจาก 37,470 ราย ในปีที่แล้ว และสามารถช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ยไปได้กว่า 2,700 ล้านบาท


นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “ผ่อนดี มีรางวัล” สำหรับกลุ่มลูกค้าสินเชื่อมีวินัยทางการเงินและมีประวัติการผ่อนชำระอย่างสม่ำเสมอ ครอบคลุมทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ และสินเชื่อบุคคล


"ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง ทีทีบีจึงยังคงเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบต่อไป ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงองค์กร (Transformation) เพื่อสร้างแหล่งรายได้ในรูปแบบใหม่ๆ ปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมุ่งสู่เป้าหมายระยะยาวในการเป็น Humanized Digital Banking ในประการสำคัญ ธนาคารยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านโครงการแก้หนี้ต่างๆ และสนับสนุนแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น"


รายละเอียดผลการดำเนินงานรายการหลักๆ ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ปี 2568 มีดังนี้


สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 1,198 พันล้านบาท ชะลอลง 0.7% จากไตรมาส 2 ปี 2568 (QoQ) และ 3.5% จากสิ้นปี 2567 (YTD) เป็นผลจากกลยุทธ์การเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ ขณะที่เงินฝากอยู่ที่ 1,270 พันล้านบาท ลดลง 1.5% QoQ และ 4.4% YTD สอดคล้องกับทิศทางสินเชื่อและแผนบริหารสภาพคล่อง


รายได้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 7.4% QoQ หนุนโดยรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ และการขายกองทุนรวม นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมจากบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต ในฐานะบริษัทย่อย อย่างไรก็ดีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 2.6% QoQ ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 16,313 ล้านบาท ชะลอลง 0.4% QoQ ภาพรวม 9 เดือน รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 49,248 ล้านบาท ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)


ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ 7,403 ล้านบาท ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 1.8% QoQ รวมเป็น 21,771 ล้านบาท สำหรับรอบ 9 เดือน ปี 2568 ซึ่งลดลง 0.8% YoY ด้านอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้รอบ 9 เดือน อยู่ที่ 44% ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ มีจำนวน 3,980 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ลดลง 7.3% QoQ รวม 9 เดือน ปี 2568 ตั้งสำรองฯ ไปแล้วทั้งสิ้น 12,854 ล้านบาท แม้ลดลง 15.2% จากปีก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจปกติ หลังจากหักสำรองฯ และภาษี ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ 5,299 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ 9 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 15,399 ล้านบาท ลดลง 4.0%