MENU

พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ : จากลูกชายของช่างก่อสร้าง สู่พระนักเทศน์ชื่อดังขวัญใจเยาวรุ่น

 29 พ.ย. 2564 00:00

กลายเป็นแฮชแท็กยอดฮิตบนทวิตเตอร์อีกครั้ง สำหรับ #พระมหาไพรวัลย์ หลังจากที่พระมหารูปนี้ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ขอบคุณพระศาสนาตลอด 18 ปีที่ผ่านมา พร้อมเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊กจาก “พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ” เป็น “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้หลายคนตีความไปว่า พระมหาไพรวัลย์กำลังเตรียมที่จะสึกอย่างแน่นอนแล้ว

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ชื่อของพระมหาไพรวัลย์ กลายเป็นกระแสโด่งดังอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากจับคู่กับพระรุ่นพี่อย่าง พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ทำการไลฟ์สดสอนธรรมะผ่านสื่อโซเชียล ซึ่งมาพร้อมกับศัพท์แสงแพรวพราวและวิธีการเทศน์แบบดึงใจคนรุ่นใหม่หรือ “เยาวรุ่น” ซึ่งเข้ามาฟังและชมไลฟ์สดเป็นแสน ๆ คน

อย่างไรก็ดี อันที่จริง นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่พระมหาไพรวัลย์ เทศนาให้ความรู้แก่ผู้คน เพราะตลอดระยะเวลา 4-5 ปีมานี้ พระมหารูปนี้ได้มีการให้สัมภาษณ์วิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับความงมงายต่าง ๆ ก่อนขยับสู่เรื่องการเมือง สังคม หรือประเด็นอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น บทบาทของสงฆ์ต่อการเมือง ไปจนถึงความหลากหลายทางเพศ (LGBT) ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ จากภูมิลำเนาบ้านเกิดที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ เดิมมีชื่อว่า ไพรวัลย์ วรรณบุตร เกิดมาในครอบครัวซึ่งพ่อแม่ทำอาชีพก่อสร้าง และเพราะความที่ทางบ้านฐานะยากจน เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พ่อแม่ได้พาเด็กชายไพรวัลย์ไปบวชเป็นสามเณรที่วัดพิพัฒน์มงคล จ.สุโขทัย และเรียนทางธรรมอยู่ที่วัดดังกล่าว จนสอบไล่ได้เปรียญธรรม 7 ประโยค ก่อนจะย้ายมาเรียนต่อที่วัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร และสามารถสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ขณะเป็นสามเณร และเมื่ออายุครบบวช ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯ โปรดเกล้าให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ “นาคหลวง”

ในด้านการศึกษา หลังจากสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ซึ่งเทียบเท่าปริญญาตรีแล้ว พระมหาไพรวัลย์ ได้ศึกษาต่อจนจบปริญญาโท คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาสันติศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในช่วง 4-5 ปีมานี้ พระมหาไพรวัลย์ ถือเป็นพระนักคิด นักเขียน นักเทศน์ ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราว ๆ ต่างอย่างต่อเนื่อง ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายและการนำเสนอที่มีการสอดแทรกอารมณ์ขันเพื่อไม่ให้คนฟังรู้สึกเบื่อ รวมไปจนถึงการใช้คำศัพท์ต่าง ๆ ที่ฟังแล้ว “จึ้งมาก” (เช่น พ.ส., สภาพ, ต๊าซ ฯลฯ) กลายเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่เพราะสิ่งที่สอนนั้น มีความทันยุคทันสมัยและทันต่อเหตุบ้านการเมืองและโลกยุคปัจจุบัน  

หลังจากไลฟ์สดสอนธรรมะจนโด่งดังในโซเชียล ได้เกิดเรื่องราวดราม่าตามมาระลอกใหญ่ โดยเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564 พระมหาไพรวัลย์ ได้พูดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า เตรียมสละสมณเพศ หลังจากทราบว่า พระราชปัญญาสุธี ซึ่งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ทั้งนี้ พระมหาไพรวัลย์ ยังได้วิพากษ์ไปถึงโครงสร้างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ โดยข้อความตอนหนึ่ง ระบุว่า “เราจึงรู้สึกว่าเราไม่อยากที่จะพินอบพิเทากับระบบ อาตมาไม่ได้มีปัญหากับคน แต่ไม่อยากที่จะพินอบพิเทากับระบบที่เป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว” ในบางช่วงของการไลฟ์ พระมหาไพรวัลย์ ยังได้เล่าถึงโยมแม่ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งและทำการรักษาด้วยการให้คีโมอยู่ ด้วยความรู้สึกห่วงใย พระมหาไพรวัลย์ได้ร่ำไห้ออกมา เล่าว่า นึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้กอดแม่ตั้งแต่ก่อนบวชเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน และตอนนี้ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะได้กลับไปดูแลแม่ในฐานะลูกชายคนหนึ่งและคนเดียว

ไม่ว่าจะมีสาเหตุอื่นใดมาเกี่ยวข้องบ้างอีกก็ตาม ล่าสุด พระมหาไพรวัลย์ ได้เปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊ก เป็น “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” พร้อมทั้งโพสต์ข้อความ “ขอบคุณพระศาสนาที่มอบทุกอย่างให้แก่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งคนนี้ ตลอดเวลา 18 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณข้าวน้ำจากศรัทธาของญาติโยมทุกคน” ซึ่งหลายคนก็พอจะเข้าใจว่า พระมหาไพรวัลย์ ได้ตัดสินใจแล้วในการที่จะลาสิกขา หรือ สึกจากสมณะเพศ ตามที่ได้เคยเปรย ๆ ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า พระมหาไพรวัลย์ ได้สร้างปรากฏการณ์ไว้ไม่น้อย จาก “เด็กบ้านนอก” คนหนึ่ง ซึ่งเกิดมาในครอบครัวฐานะยากจน ใช้ความขยันหมั่นเพียรเรียนหนังสือจนประสบความสำเร็จสูงสุดในด้านการศึกษา อีกทั้งความเป็นคนที่ชอบศึกษา ชอบอ่าน ชอบเขียน ชอบคิด และติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองและสังคมโลก ทั้งหมดนี้นับเป็นปัจจัยรวมที่หล่อหลอมให้พระมหาไพรวัลย์สามารถวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเท่าทันกระแสสังคม รวมทั้งเชื่อมโยงประเด็นทางสังคมผสมผสานเข้ากับการสอนธรรมะได้อย่างน่าฟัง นั่นจึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่พระมหาไพรวัลย์จะก้าวขึ้นมาเป็นพระขวัญใจเหล่าเยาวรุ่นอย่างที่เป็นเช่นปัจจุบัน