MENU

‘บ็อบ โอเดนเคิร์ก’ จากคนที่เกือบล้มละลาย กลายเป็นดาราดังในบททนายตัวแสบ Saul Goodman

 16 ส.ค. 2565 00:00

ในที่สุด ซีรีส์ภาคแยกของ Breaking Bad อย่าง Better Call Saul ก็ได้จบลงเป็นที่เรียบร้อย เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดู ก็คงประทับใจการแสดงของ “บ็อบ โอเดนเคิร์ก” ในบท “ซอล กู๊ดแมน” อย่างแน่นอน แต่กว่าที่เขาจะได้รับบทเป็นทนายสุดแสบแห่งโลกอาชญากร นักแสดงคนนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง นี่คือเรื่องราวของเขาที่เรานำมาฝากกัน


บ็อบ โอเดนเคิร์ก (Bob Odenkirk) มีชื่อจริงว่า “โรเบิร์ต จอห์น โอเดนเคิร์ก” (Robert John Odenkirk) เกิดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1962 เขาเป็นลูกคนที่ 2 จากทั้งหมด 7 คน ในครอบครัวที่มีพ่อติดเหล้า หยาบคาย และชอบใช้ความรุนแรง แถมยังทิ้งครอบครัวและภาระหนี้สินเอาไว้ ตั้งแต่บ็อบอายุได้ 9 ขวบ

ชีวิตวัยเด็กของบ็อบ สำหรับเขานั้นค่อนข้างน่าเบื่อ เพราะเมืองที่เขาอาศัยอยู่อย่างเนเพอวิลล์ รัฐอิลลินอยส์ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยสักนิด จนเมื่อเรียนจบมัธยม เขาก็ไปต่อเรียนต่อมหาลัยในเมืองคาร์บอนเดล ซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 340 ไมล์ ซึ่งเป็นจุดบ่มเพาะความชื่นชอบในงานด้านการแสดงให้กับเขา จากการที่เขาได้มีโอกาสจัดรายการวิทยุของมหาวิทยาลัย ได้ฝึกฝนทักษะการเขียนบท การพากย์เสียง และการแสดงละครวิทยุ


เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย ด้วยความชื่นชอบในด้านนี้ เขาจึงเข้าเรียนการแสดงกับ “เดล โคลส” (Del Close) โค้ชสอนการแสดง ที่ปั้นศิลปินให้กับฮอลลีวูดมาแล้วมากมาย การเรียนในคลาสนั้น ทำให้บ็อบได้พบกับ “โรเบิร์ต สมิเกล” (Robert Smigel) นักเขียน และโปรดิวเซอร์ จากรายการ Saturday Night Live รายการทอล์กโชว์ชื่อดังในอเมริกา ซึ่งโรเบิร์ตได้ชักชวนให้บ็อบมาร่วมงานในฐานะนักเขียนและนักแสดงในช่วง Sketches show ของรายการ


จากจุดนี้ทำให้ชื่อของบ็อบเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และได้โอกาสไปแสดงในโชว์ตลกมากมาย เช่น The Ben Stiller show, Late Night With Conan O'brien และ The Larry Sanders Show ก่อนจะได้มีโอกาสทำซิทคอมเป็นของตัวเองอย่างเรื่อง Mr.Show ที่เขาทั้งเขียนบทและแสดงนำคู่กับ “เดวิค คอรส” (David Cross)


แต่พอเข้าสู่ช่วงปี 2000s ชื่อของเขากลับไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก งานแสดงก็มีไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน หลัก ๆ ก็มีแต่การบทรับเชิญในซีรีส์ซิทคอม และงานพากย์เสียงบางประปราย ซึ่งบ็อบก็ได้เข้าไปออดิชั่นเพื่อรับบทนำในหนังและซีรีส์มากมาย เช่น บท Michael Scott ในซีรีย์เรื่อง The Office แต่สุดท้ายก็พลาดบทให้กับสตีฟ คาเรล ไป

ในปี 2007 บ็อบได้มีโอกาสกำกับหนังตลกเป็นของตัวเอง เรื่อง The Brothers Solomon แถมยังออกเงินส่วนตัวเพื่อใช้ในการสร้างหนัง เพื่อหวังว่าเมื่อหนังทำกำไรจะทำให้เขาได้ทุนคืน แต่ตัวหนังกลับล้มเหลวทั้งรายได้ และคำวิจารณ์ ทั้งที่ใช้ทุนสร้างไปถึง 10 ล้านเหรียญ แต่กลับทำรายได้เพียง 1 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งเขาก็ได้ยอมรับในภายหลังว่าตัวเขามีประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ไม่มากพอที่จะกำกับ


ความล้มเหลวของ The Brothers Solomon ทำให้บ็อบเกือบจะล้มละลาย เพราะติดหนี้ธนาคาร เขาจึงจำเป็นต้องรับงานแสดงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะหนัง ซีรีส์ หรือโฆษณา จนวันหนึ่ง เอเจนท์ของเขาก็โทรมา แล้วบอกว่ามีบทบาทที่เขาควรแสดง ซึ่งบทนั้นก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาให้กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาจนถึงวันนี้ โดยบทที่ว่าก็คือ “ซอล กู๊ดแมน” นั่นเอง

“ซอล กู๊ดแมน” (Saul goodman) เป็นที่รู้จักในฐานะทนายตัวแสบที่คอยช่วยเหลือเหล่าแก๊งอาชญากรในซีรีส์ Breaking Bad ที่ในตอนนั้น ซีรีส์ยังไม่โด่งดังมากเท่ากับตอนนี้ เพราะซีซั่นแรกก็เพิ่งจบไปหมาด ๆ แถมต้องตัดจบเพราะเหตุการณ์การประท้วงของสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา แต่บ็อบก็ตัดสินใจรับเล่นบทนี้่ ทั้งที่เขาก็ยังไม่เคยดู Breaking Bad เลยแม้แต่ตอนเดียว และก็ไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าจะแสดงได้ดีหรือไม่


อย่างไรก็ดี การมาถึงของตัวละคร “ซอล กู๊ดแมน” ที่แสดงโดยบ็อบ ก็ได้มาเพิ่มสีสันความสนุกให้กับซีรีส์อาชญากรรมสุดเครียดเรื่องนี้ได้อย่างดี และนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก ๆ ของเขา เพราะตัวละครตัวนี้ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลแบบที่ทางผู้สร้างเองก็คาดไม่ถึง จนโปรดิวเซอร์อย่าง Vince Gilligan ได้ตัดสินใจสร้างซีรีส์ภาคแยกอย่าง Better Call Saul ออกมา หลังจากที่ Breaking Bad ฉายจบ


โดยที่ Better Call Saul เป็นการเล่าเรื่องโฟกัสไปที่ตัวของซอล กู๊ดแมน และเพื่อน ๆ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้บ็อบ โอเดนเคิร์ก ได้เปล่งประกายฉายแสงโชว์ทักษะการแสดงของเขาอย่างแท้จริง ทั้งการเล่นบทตลก ๆ กวน ๆ โกรธ กลัว หรือบทดราม่าเรียกน้ำตา ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ส่งให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักแสดงแนวหน้าของวงการได้สำเร็จ

เรื่อง : นันทิภาคย์ กิตติคุณปกรณ์