
ทำความรู้จักเทรนด์ ‘Tooth Gems’ ของเหล่าตัวแม่ และ ลิซ่า BLACKPINK
7 มิ.ย. 2566 00:00จากการฟื้นคืนชีพของสไตล์ Y2K เทรนด์ความงามหลายเทรนด์ก็กลับมาอีกครั้งในเวลาที่เราคาดไม่ถึง อย่าง Rhinestone Makeup การใช้คริสตัล หรือมุกติดใบหน้าเพื่อเพิ่มลูกเล่น Frosted EyeShadow การแต่งตาที่มีความแวววาว สุดชิค หรือแม้กระทั่งกางเกงยีนส์ Thong Jeans และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ทำให้เราเห็น ‘Tooth Gems’ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ไม่ว่าจะด้วยความสวยงามแบบ Y2K หรือสไตล์ที่เข้ากับแฟชั่นของ Gen Z ก็แล้วแต่ที่นำเทรนด์ยุค 90’เหล่านี้กลับมา แต่นั่นก็ทำให้เราได้เห็นภาพเหล่าเซเลบตัวแม่-คนดังนำเทรนด์ ‘Tooth Gems’ เครื่องประดับฟันในแบบฉบับของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Kylie Jenner Hailey Bieber Dua Lipa Bella Hadid รวมทั้ง Billie Eilish
นอกจากจะได้รับความนิยมในโลกตะวันตกแล้ว เทรนด์นี้ยังได้รับการยอมรับในโลกของ K-POP ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นตัวแม่อย่างลิซ่า BLACKPINK จองอู-แทยง NCT หนิงหนิง aespa มิโน WINNER ซองฮุน-เจย์ ENHYPEN ฮยอนอา และแชยอง TWICE
ตามรายงานเทรนด์ Pinterest Predicts ประจำปี 2022 ที่ผ่านมา Tooth Gems เป็นหนึ่งในเทรนด์ความงามที่คนค้นหามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งเพิ่มขึ้น 85 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามมาด้วย การเจาะหู การเจาะผิวหนัง เทรนด์การทำเล็บเท้าแบบใหม่ และการใช้ Crystal มาประกอบการแต่งตา
แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ‘ToothGems’ ไม่ใช่เทรนด์ใหม่แต่เคยเป็นที่นิยมในช่วงปลายทศวรรษที่1990 และต้นทศวรรษที่ 2000 ในยุค Y2K และได้รับความนิยมจากกลุ่มฮิปฮอป
หากอธิบายง่าย ๆ Tooth Gems ก็คือการติดไอเท็มบนเนื้อผิวเคลือบฟันซึ่งถือเป็นหนึ่งในการเสริมความงามให้กับฟันอาจมีการติดเพียงอันเดียวหรือหลายอันก็ได้ โดยจุดประสงค์หลักคือเป็นการทำเพื่อความสวยงาม
บางคนอาจติดแบบเรียบง่าย บางคนก็เลือกเป็นรูปผีเสื้อที่ดูสปอร์ต และบางคนก็เลียนแบบแฟชั่นของ Grillz (หรือฟันทอง) การประดับฟันด้วยสีและรูปทรงต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งเครื่องประดับที่สามารถเลือกเองได้ รวมถึงเป็นการเพิ่มลูกเล่นและเพิ่มเสน่ห์ให้กับรอยยิ้มอีกด้วย
Tooth Gems สามารถเลือกติดแบบชั่วคราวด้วยกาวชนิดพิเศษ หรือแบบถาวรที่ต้องเจาะผิวฟัน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลขั้นตอนในการทำ Tooth gems แม้จะไม่สร้างความเจ็บปวดสามารถถอดได้ตามต้องการ ไม่ทำลายเนื้อฟันมาก และผิวฟันสามารถฟื้นสภาพกลับมาได้เมื่อถอดออก แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพช่องปาก
ต้องบอกว่า เทรนด์การเสริมความงามเกี่ยวกับฟันนั้น มีอายุย้อนไปถึง 200-800 ปีก่อนคริสตกาล สตรีชาวอีทรัสคันสวมฟันทองคำ และในช่วง 300 -9,000 ปีก่อนคริสต์ศักราชในอาณาจักรมายันจะมีการฝังหยกไว้ในฟันของราชวงศ์ ซึ่งมีการคาดว่า การทำในสมัยก่อนนั้นถือเป็นวิธีป้องกันการติดเชื้อ หรือป้องกันฟันผุนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ไอเท็มที่ใช้ติดฟันในปัจจุบัน อาจมาจากพลอยเทียมที่มีลักษณะคล้ายเพชร คริสตัลราคาถูกหรือหรูหราอย่างเพชร หรือวัสดุที่มีตราสินค้าสำหรับใช้กับฟันโดยเฉพาะ